img

Ethereum คือ? ทำไมถึงกลายเป็นเบอร์ 2 ของโลกคริปโต

2025/10/23 09:00:00

Custom

ทำความรู้จัก Ethereum บล็อกเชนอันดับสองของโลก เจาะลึกจุดเด่น ระบบ Smart Contracts และเหตุผลที่ทำให้ Ethereum ยังคงครองตลาด

Ethereum คืออะไร และมีที่มาจากไหน?

Ethereum คือบล็อกเชนแบบ Smart Contract ที่เปิดตัวในปี 2015 โดย Vitalik Buterin และทีมงาน เพื่อพัฒนาความสามารถของบล็อกเชนจากการโอนเงินเป็นการสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) และการทำสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง

Ethereum ถูกเรียกว่าเป็น Blockchain รุ่นที่ 2 เนื่องจากเป็นบล็อกเชนที่พัฒนาต่อยอดจาก Bitcoin โดยเพิ่มฟีเจอร์ที่รองรับการเขียนโปรแกรมและการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนกว่าเดิม

ดู ราคา Ethereum วันนี้ แบบเรียลไทม์ได้เลย อัปเดตทุกวินาทีเพื่อให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว

 

คำศัพท์สำคัญเกี่ยวกับ Ethereum (ETH)

1. Ethereum (ETH)

  • เหรียญดิจิทัลหลักของเครือข่าย Ethereum

  • ใช้จ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมและสเตกเพื่อรับรางวัล

2. Smart Contract

  • โปรแกรมอัตโนมัติที่รันบน Ethereum

  • ทำงานเมื่อเงื่อนไขครบถ้วนโดยไม่ต้องมีตัวกลาง

  • ตัวอย่าง: สัญญาการขาย NFT จะถูกปล่อยเหรียญและโอน NFT ให้ผู้ซื้อทันทีเมื่อจ่ายเงินครบ

3. dApps (Decentralized Applications)

  • แอปพลิเคชันที่รันบน Ethereum แบบกระจายศูนย์ ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง

  • ตัวอย่าง: เกม NFT, แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญแบบ DeFi

4. Gas Fee

  • ค่าธรรมเนียมสำหรับรันธุรกรรมหรือ Smart Contract

  • ยิ่งธุรกรรมซับซ้อน ยิ่งต้องจ่าย Gas มาก

5. EVM (Ethereum Virtual Machine)

  • เครื่องจักรเสมือนที่รัน Smart Contract และ dApps ทั้งหมด

  • ทำให้ Ethereum เป็นบล็อกเชนที่รันโปรแกรมได้เหมือนคอมพิวเตอร์ย่อส่วน

6. Proof-of-Stake (PoS)

  • กลไกยืนยันธุรกรรมของ Ethereum 2.0

  • ผู้ถือเหรียญสามารถสเตก ETH เพื่อช่วยตรวจสอบบล็อกและรับรางวัล (ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้นำคริปโตเคอร์เรนซีไปทำ Staking)

7. Layer 2

  • โซลูชันช่วยเพิ่มความเร็วและลดค่าธรรมเนียม โดยเชื่อมต่อกับ Ethereum Mainnet

  • ตัวอย่าง: Arbitrum และ Optimism เป็น Layer 2 สำหรับ Ethereum

8. NFT (Non-Fungible Token)

  • สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน

  • ใช้ Ethereum ในการสร้างและซื้อขาย

  • ตัวอย่าง: ภาพดิจิทัล, เพลง หรือไอเท็มเกมแบบ NFT

9. DeFi (Decentralized Finance)

  • การให้บริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ บน Ethereum

  • ตัวอย่าง: การกู้ยืม, การฝากเหรียญเพื่อรับดอกเบี้ย, การแลกเปลี่ยนเหรียญ

10. Staking

  • การล็อกเหรียญ ETH เพื่อช่วยตรวจสอบธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยเครือข่าย

  • แลกกับรางวัล ETH แบบ passive income

  • ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้นำคริปโตเคอร์เรนซีไปทำ Staking

Ethereum ทำงานอย่างไร?

Ethereum คือบล็อกเชนที่รัน Smart Contract ได้

Ethereum เป็นบล็อกเชนที่พัฒนาต่อยอดจาก Bitcoin โดยไม่ใช่แค่ใช้โอนเหรียญ แต่ยังสามารถรันโปรแกรมอัตโนมัติที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานเองเมื่อเงื่อนไขครบถ้วนโดยไม่ต้องพึ่งตัวกลางทำให้ธุรกรรมมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ 

ตัวอย่างเช่น การซื้อขาย NFT ระบบจะโอนเหรียญและ NFT ให้ผู้ซื้อได้ทันทีโดยอัตโนมัติ

ธุรกรรมและการรัน Smart Contract บน Ethereum ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า Gas Fee ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของธุรกรรมและความหนาแน่นของเครือข่าย หากมีผู้ใช้เยอะหรือธุรกรรมซับซ้อน ค่าธรรมเนียมจะสูงขึ้น ในทางกลับกันช่วงที่เครือข่ายโล่ง ค่าธรรมเนียมก็จะถูกลง

Ethereum Virtual Machine (EVM)

การทำงานทั้งหมดเกิดขึ้นบน Ethereum Virtual Machine (EVM) ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องจักที่รัน Smart Contract และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ทำให้ Ethereum เป็นบล็อกเชนที่สามารถประมวลผลโปรแกรมได้เหมือนคอมพิวเตอร์ย่อส่วน ทำให้ทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นถูกตรวจสอบและบันทึกอย่างปลอดภัยบนเครือข่าย

 

จุดเด่นของ Ethereum ที่ทำให้คนทั่วโลกใช้งาน

Ethereum เป็นบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะสามารถรัน Smart Contract และสนับสนุน dApps, DeFi, NFT ได้อย่างครบวงจร ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนาสามารถสร้างนวัตกรรมบนเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง

  1. Smart Contract: เป็นโปรแกรมอัตโนมัติที่รันบน Ethereum เมื่อเงื่อนไขครบถ้วนโดยไม่ต้องพึ่งตัวกลาง

  2. dApps Ecosystem: รองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์หลายประเภท เช่น เกม การเงิน ตลาด NFT ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์กลาง

  3. DeFi และ NFT: Ethereum เป็นฐานสำหรับบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ เช่น การให้กู้ยืม การแลกเปลี่ยนเหรียญ หรือการซื้อขาย NFT

  4. Layer 2 Solutions: มีเครื่องมือช่วยเพิ่มความเร็ว ลดค่าธรรมเนียม และขยายเครือข่ายอย่าง Arbitrum และ Optimism ทำให้ประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้น

  5. Proof-of-Stake (PoS): ระบบยืนยันธุรกรรมที่ปลอดภัยและประหยัดพลังงาน ผู้ถือเหรียญสามารถสเตก ETH เพื่อช่วยตรวจสอบบล็อกและรับรางวัลได้

  6. ชุมชนนักพัฒนาขนาดใหญ่: ทำให้มีนวัตกรรมใหม่ เครื่องมือ และการอัปเกรดเครือข่ายเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Ethereum vs Bitcoin ต่างกันอย่างไร?

Bitcoin และ Ethereum คือสองสกุลเงินดิจิทัลหลักที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) เป็นสองสกุลเงินดิจิทัลที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของคริปโตเคอเรนซี แม้ว่าทั้งสองจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีลักษณะการกระจายอำนาจ แต่ก็มีวัตถุประสงค์และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

Bitcoin ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 โดยบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้แทนเงินสดในการทำธุรกรรมออนไลน์และเป็นที่เก็บมูลค่าที่เชื่อถือได้ 

โดย Bitcoin ใช้กลไกการยืนยันธุรกรรมแบบ Proof of Work (PoW) ซึ่งต้องใช้พลังงานในการขุดและประมวลผลธุรกรรม มีจำนวนเหรียญสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้มีลักษณะคล้ายทองคำดิจิทัล

ทั้งสองสกุลเงินดิจิทัลนี้มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของคริปโตเคอเรนซี โดย Bitcoin เน้นการเป็นที่เก็บมูลค่าและการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อถือได้ ส่วน Ethereum มุ่งเน้นการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างและรันแอปพลิเคชันที่กระจายอำนาจและโปร่งใส

 

ตรวจสอบ ราคา bitcont วันนี้ แบบเรียลไทม์ได้เลย! พร้อมข้อมูลอัปเดตล่าสุด

ตารางเปรียบเทียบ Bitcoin และ Ethereum

 

คุณสมบัติ

Bitcoin (BTC)

Ethereum (ETH)

วัตถุประสงค์หลัก

สกุลเงินดิจิทัลและที่เก็บมูลค่า

แพลตฟอร์มสำหรับ Smart Contracts และ dApps

กลไกการยืนยันธุรกรรม

Proof of Work (PoW)

Proof of Stake (PoS)

จำนวนเหรียญสูงสุด

21 ล้านเหรียญ

ไม่มีจำนวนสูงสุดที่กำหนด

ความเร็วในการประมวลผลธุรกรรม

ประมาณ 10 นาทีต่อบล็อก

ประมาณ 14-15 วินาทีต่อบล็อก

การใช้งานหลัก

การโอนเงินและที่เก็บมูลค่า

การสร้างและรันแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน

ความยืดหยุ่นในการพัฒนา

จำกัด

สูงมาก

 

Ethereum 2.0 คืออะไร?

Ethereum 2.0 หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า Eth2 เป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่ของเครือข่าย Ethereum ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ Ethereum รุ่นแรก โดยเฉพาะเรื่อง ความเร็วในการประมวลผลธุรกรรม ความปลอดภัย และการใช้พลังงาน

ผลกระทบของ Ethereum 2.0

1. ความเร็ว

Ethereum 2.0 ใช้เทคโนโลยี Sharding ซึ่งแบ่งเครือข่ายออกเป็นหลายส่วน ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมพร้อมกันหลายพันรายการต่อวินาที ทำให้ความเร็วในการทำธุรกรรมสูงขึ้นอย่างมาก และรองรับการใช้งานจำนวนมากได้ดียิ่งขึ้น

2. ความปลอดภัย

ระบบ Ethereum 2.0 ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น โดยใช้ validator ในการตรวจสอบธุรกรรมและบล็อก ช่วยลดโอกาสการปลอมแปลงข้อมูลและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเครือข่ายและผู้ใช้งาน

3. ใช้พลังงานน้อยลง

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเปลี่ยนจาก Proof-of-Work (PoW) มาเป็น Proof-of-Stake (PoS) กลไกนี้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการรันเครือข่ายหลายเท่าตัว ทำให้ Ethereum 2.0 เป็นเครือข่ายที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การใช้งาน Ethereum ในโลกจริง

Ethereum คือแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เป็นฐานของแอปพลิเคชันดิจิทัล

Ethereum เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ยืดหยุ่นและใช้งานได้หลากหลาย ไม่เพียงแค่ใช้โอนเหรียญ ETH แต่ยังเป็นฐานสำคัญของแอปพลิเคชันและบริการดิจิทัลต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ร่วมสนุกกับเกมบนบล็อกเชน และซื้อขาย NFT ได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างการใช้งาน Ethereum

  1. ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets): ใช้เหรียญ ETH เพื่อซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ บนแพลตฟอร์มบล็อกเชน

  2. DeFi (Decentralized Finance): ใช้ ETH ในการกู้ยืม ฝากเหรียญ หรือทำ Yield Farming เพื่อสร้างรายได้แบบกระจายศูนย์

  3. NFT Marketplace: ใช้ Ethereum เป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขาย NFT บนตลาดเช่น OpenSea

  4. GameFi: ใช้ Ethereum ในเกมบนบล็อกเชน เช่น Axie Infinity ซึ่งผู้เล่นสามารถซื้อขายไอเทมและรางวัลในเกมโดยใช้ ETH

 

Ethereum ดีไหม น่าซื้อหรือเปล่า? 

Ethereum (ETH) ยังคงเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปี 2025 โดยมีปัจจัยหลายประการที่สนับสนุนความน่าสนใจนี้

แนวโน้มราคาในปี 2025

นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า Ethereum มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว โดยมีการคาดการณ์ราคาปี 2025 ดังนี้:

  • Standard Chartered คาดการณ์ราคาปี 2025 ที่ $7,500 โดยอ้างอิงจากการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมและการเพิ่มขึ้นของการถือครอง Ethereum ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

  • Finder คาดการณ์ว่า Ethereum อาจทะลุ $6,100 ภายในปี 2025 และอาจถึง $12,000 ภายในปี 2030 

  • Binance คาดการณ์ราคาปี 2025 ที่ $4,586.04 โดยมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว

Ethereum ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล และควรวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน

 

Ethereum ซื้อยังไง และเริ่มต้นลงทุนอย่างไร

ลงทุนใน Ethereum 

การลงทุนใน Ethereum (ETH) เริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่านแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่น่าเชื่อถือ เช่น KuCoin Thailand ซึ่งรองรับการซื้อขายเหรียญ ETH ด้วยสกุลเงินต่างๆ ทั้งเงินดิจิทัลและเงินสด 

 

ผู้ใช้สามารถสร้างบัญชี ยืนยันตัวตน และเติมเงินเข้าสู่กระเป๋าคริปโตของตัวเอง จากนั้นก็สามารถซื้อ Ethereum ได้ทันที

Step 1: สมัครบัญชี KuCoin Thailand
เข้าไปที่ KuCoin Thailand กรอกอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นตั้งรหัสผ่าน และยืนยันบัญชีผ่านอีเมล

Step 2: ยืนยันตัวตน (KYC)
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและสามารถซื้อขายได้เต็มรูปแบบ ทำการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตามขั้นตอนในระบบ

Step 3: เติมเงินเข้าบัญชี
คุณสามารถฝากเงินดิจิทัล หรือสกุลเงินทั่วไป (Fiat) เข้าบัญชี KuCoin Thailand ได้ โดยสามารถเลือกวิธีที่สะดวก เช่น โอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต หรือฝากเหรียญคริปโตที่มีอยู่แล้ว

Step 4: ซื้อ Ethereum (ETH)
หลังจากมีเงินในบัญชีแล้ว ไปที่หน้า Buy Crypto หรือ Spot Trading ค้นหา ETH เลือกจำนวนที่ต้องการซื้อ แล้วกดยืนยันการซื้อ

Step 5: เก็บ Ethereum ของคุณอย่างปลอดภัย
หลังการซื้อ คุณสามารถเก็บ ETH ไว้ใน KuCoin Wallet หรือโอนไปยัง Wallet ส่วนตัว เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Step 6: เริ่มลงทุนหรือใช้งาน ETH
คุณสามารถถือเหรียญระยะยาว ใช้ใน DeFi, NFT, หรือ GameFi ได้ทันที

การซื้อ Ethereum ผ่าน KuCoin Thailand เป็นวิธีที่สะดวกและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หากคุณยังไม่มีบัญชี สมัคร KuCoin Thailand วันนี้ และเริ่มลงทุนในโลกคริปโตอย่างมั่นใจ

Ethereum ข้อดี ข้อเสีย แบบเข้าใจง่าย

Ethereum เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มีความยืดหยุ่นและเป็นที่นิยมมาก แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่นักลงทุนควรทราบ

ข้อดีของ Ethereum

  1. Smart Contract & dApps: รองรับการสร้างสัญญาอัจฉริยะและแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ ทำให้มีการใช้งานได้หลากหลาย

  2. Ethereum 2.0: อัปเกรดมาใช้ Proof-of-Stake และ Sharding ทำให้ธุรกรรมเร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง

  3. ชุมชนใหญ่และ Ecosystem แข็งแกร่ง: มีผู้พัฒนา นักลงทุน และโปรเจกต์คริปโตจำนวนมากที่ใช้ Ethereum

  4. ใช้ใน DeFi, NFT, GameFi: เหมาะสำหรับการลงทุน สร้างรายได้ และใช้บริการดิจิทัลต่าง ๆ

ข้อเสียของ Ethereum

  1. ค่าธรรมเนียม (Gas Fee) แปรผันสูง: แม้ Ethereum 2.0 จะปรับปรุงบางส่วน แต่เมื่อมีผู้ใช้งานเยอะ ค่าธรรมเนียมก็อาจยังสูงได้

  2. ความซับซ้อนสำหรับมือใหม่: การเข้าใจ Smart Contract, DeFi, และการจัดการ Wallet อาจเข้าใจยากสำหรับผู้เริ่มต้น

  3. การแข่งขันสูง: มีบล็อกเชนรุ่นใหม่ๆ เช่น Solana, Avalanche ที่ถูกสร้างมาแข่งขันกับ Ethereum ทั้งด้านความเร็วและค่าธรรมเนียม

Ethereum vs การลงทุนแบบอื่น

การลงทุนใน Ethereum (ETH) มีความแตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างชัดเจน แม้ ETH จะถูกมองเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีศักยภาพในการเติบโต แต่ก็มีคุณสมบัติและความเสี่ยงที่ต่างจากทองคำ หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์

ETH vs ทองคำ

ทั้งคู่สามารถใช้เป็นที่เก็บมูลค่า (Store of Value) ได้ แต่ Ethereum มีความผันผวนสูงกว่าทองคำมาก ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

ETH vs หุ้น

หุ้นมีการเติบโตและจ่ายปันผล ส่วน Ethereum ไม่มีปันผลแต่มีโอกาสเติบโตจากมูลค่าตลาดและการใช้งานในระบบ DeFi, NFT และ dApps ความผันผวนของ ETH มักสูงกว่าหุ้นโดยเฉลี่ย

ETH vs อสังหาริมทรัพย์

อสังหามีสภาพคล่องต่ำ ต้องใช้เวลาขายและจัดการมาก แต่มีมูลค่าคงที่ ส่วน Ethereum ซื้อขายได้ทันทีทั่วโลก มีสภาพคล่องสูง แต่ราคาผันผวนมาก

ตารางเปรียบเทียบ Ethereum กับการลงทุนแบบอื่น

 

คุณสมบัติ

Ethereum (ETH)

ทองคำ (Gold)

หุ้น (Stocks)

อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)

การเติบโต

สูง (ขึ้นอยู่กับการใช้งานเครือข่าย)

ปานกลาง-ต่ำ

ปานกลาง-สูง (ขึ้นอยู่กับบริษัท)

ปานกลาง

ความผันผวน

สูง

ต่ำ

ปานกลาง-สูง

ต่ำ-ปานกลาง

สภาพคล่อง

สูง (ซื้อขายทันทีทั่วโลก)

ปานกลาง

สูง

ต่ำ

ผลตอบแทนระยะยาว

สูง/ผันผวนสูง

ปานกลาง

ปานกลาง-สูง

ปานกลาง

การลงทุนขั้นต่ำ

ต่ำ

สูง

ปานกลาง

สูง

การใช้งานเพิ่มเติม

DeFi, NFT, dApps

ไม่มี

ไม่มี

ใช้ประโยชน์จริง 

 

เมื่อเปรียบเทียบ Ethereum กับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่าง ทองคำ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นว่า Ethereum มีความคล่องตัวสูง สามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และลงทุนเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยได้ และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงจากการเติบโตของตลาดคริปโต แต่ก็มีความผันผวนสูงและความเสี่ยงด้านกฎหมาย 

ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแต่ก็อาจมีผลตอบแทนช้า ส่วนหุ้นก็มีศักยภาพเติบโตตามธุรกิจและเศรษฐกิจแต่ผันผวนตามตลาดเช่นกัน 

อสังหาริมทรัพย์สร้างรายได้จากค่าเช่าและมูลค่าของทรัพย์สินที่โตขึ้นได้ตามเศรษฐกิจ แต่ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงและมีสภาพคล่องต่ำ 

ดังนั้นการเลือกลงทุนควรพิจารณาทั้งความเสี่ยงและโอกาสของสินทรัพย์แต่ละประเภทควบคู่กันไป เพื่อสร้างพอร์ตลงทุนที่สมดุลและเหมาะกับเป้าหมายของนักลงทุน

วิธีเก็บรักษา Ethereum ให้ปลอดภัย

การเก็บรักษา Ethereum 

การเก็บรักษา Ethereum (ETH) อย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนทุกระดับ เพื่อป้องกันการสูญหายหรือถูกโจรกรรม นักลงทุนสามารถเลือกเก็บเหรียญใน Hot Wallet หรือ Cold Wallet ขึ้นอยู่กับความสะดวกและระดับความปลอดภัยที่ต้องการ

  • Hot Wallet คือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เช่น แอปมือถือ เว็บวอลเล็ต หรือแพลตฟอร์มเทรด เช่น KuCoin Thailand ข้อดีคือใช้งานง่าย ซื้อขายโอนเหรียญได้ทันที แต่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากเชื่อมต่อออนไลน์ตลอดเวลา

  • Cold Wallet คือกระเป๋าเงินแบบออฟไลน์ เช่น ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต (Ledger, Trezor) หรือกระดาษวอลเล็ต ซึ่งไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ข้อดีคือปลอดภัยสูงมาก เหมาะสำหรับการถือเหรียญระยะยาว แต่ไม่สะดวกสำหรับการซื้อขายทันที

อัปเดตสถานการณ์ Ethereum ล่าสุด (2025) 

ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2025 สถานการณ์ของ Ethereum (ETH) มีความเคลื่อนไหวที่สำคัญในด้านราคา การใช้งาน DeFi และ NFT รวมถึงการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

สถานการณ์ราคา ETH

Ethereum ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ที่ 4,946 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 โดยมีแรงหนุนจากการไหลเข้าของสถาบันการเงินและการใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ราคาจะมีความผันผวน แต่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น 

 

ข้อมูลจาก : 

https://www.coindesk.com/markets/2025/08/26/ethereum-defi-lags-behind-even-as-ether-price-crossed-record-highs

DeFi & NFT ใช้งานจริงปี 2025 

มูลค่ารวมที่ถูกล็อก (TVL) ใน DeFi บน Ethereum เพิ่มขึ้นสูงสุดในปีนี้ที่ 97,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แสดงถึงการเติบโตของการใช้งาน แม้จะมีคู่แข่งจากบล็อกเชนอื่น ๆ แต่ Ethereum ยังคงเป็นผู้นำในด้านนี้

 

ตลาด NFT บน Ethereum ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 62% โดยในเดือนกรกฎาคม 2025 มีมูลค่าการขายรวมถึง 275.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาด NFT บน Ethereum

 

ข้อมูลจาก : 

https://cointelegraph.com/news/nft-sales-july-2025-second-highest-average-sale-value

https://www.coindesk.com/markets/2025/08/26/ethereum-defi-lags-behind-even-as-ether-price-crossed-record-highs



ความเคลื่อนไหวด้านกฎหมาย

ในปี 2025 มีการพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการออกกฎหมายใหม่ที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการจำแนกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลักทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ และการควบคุมการออกเหรียญเสถียรภาพ (stablecoins) เพื่อเพิ่มความมั่นคงและความโปร่งใสในตลาดคริปโต

 

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ethereum 

  1. 1 ETH เท่ากับกี่บาท?

ราคา 1 ETH ขึ้นลงตามตลาดคริปโตตลอดเวลา เช็กอัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดได้จาก  ราคา ethereum วันนี้

  1. ETH ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

  • ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม (Gas Fee): ทุกครั้งที่มีการส่ง ETH หรือทำธุรกรรมบน Ethereum เครือข่ายต้องใช้ ETH เป็นค่าใช้จ่ายในการประมวลผลธุรกรรมนั้นๆ

  • สร้างและรันสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract): ETH ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการรันสัญญาอัจฉริยะบน Ethereum 

  • ลงทุนใน DeFi (Decentralized Finance): ผู้ใช้งานสามารถนำ ETH ไปลงทุนในโปรเจกต์ DeFi เช่น การปล่อยกู้และรับดอกเบี้ย 

  • ซื้อขาย NFT และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ: ETH เป็นสกุลเงินหลักในการซื้อขาย NFT และสินทรัพย์ดิจิทัลบน Marketplace 

  • การลงทุนระยะยาว: นอกจากการใช้จ่ายเพื่อทำธุรกรรมหรือเข้าร่วมแพลตฟอร์มต่างๆ แล้ว นักลงทุนยังถือ ETH เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเก็งกำไรหรือเก็บมูลค่าในระยะยาวได้อีกด้วย

 

  1. Ethereum มีทั้งหมดกี่เหรียญ?

Ethereum ไม่มีจำนวนเหรียญจำกัด ปริมาณ ETH เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระบบ แต่หลังจากอัปเกรดเป็น Proof of Stake ทำให้การปล่อยเหรียญใหม่น้อยลง

  1. ETH ดีไหม?

ETH เป็นคริปโตที่มีระบบนิเวศใหญ่ที่สุดรองจาก Bitcoin มีการใช้งานจริงใน DeFi, NFT และ Smart Contract เหมาะกับการถือครองระยะยาว แต่ก็ต้องระวังความผันผวนของราคา

  1. ซื้อ Ethereum ที่ไหนดี?

คุณสามารถซื้อ ETH ได้จากเว็บเทรดคริปโต เช่น KuCoin Thailand เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและมีค่าธรรมเนียมเหมาะสม

  1. Bitcoin กับ Ethereum ต่างกันยังไง?

Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่เน้นเก็บมูลค่า ส่วน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใช้สร้าง Smart Contract และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps)

  1. Ethereum มีประโยชน์อะไรบ้าง?

Ethereum ใช้พัฒนา DeFi, เกมบล็อกเชน, NFT และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ไม่ขึ้นกับตัวกลาง จึงเป็นบล็อกเชนที่ถูกใช้งานมากที่สุดในโลก

 

สรุป Ethereum คืออะไร? 

Ethereum คือเครือข่ายบล็อกเชนที่ถูกออกแบบมาให้ไม่ใช่แค่สำหรับการโอนเงินดิจิทัล แต่ยังรองรับการสร้าง “สัญญาอัจฉริยะ” (Smart Contracts) และแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) ได้ ทำให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างบริการทางการเงิน เกม ตลาดซื้อขายดิจิทัล และแพลตฟอร์มต่างๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางแบบดั้งเดิม เช่น ธนาคารหรือบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมมีความโปร่งใส ปลอดภัย และสะดวกมากขึ้น

โดยสกุลเงินดิจิทัล ETH เป็นทั้งสื่อกลางสำหรับการทำธุรกรรมบน Ethereum และเป็นเชื้อเพลิง ที่ใช้รันสัญญาอัจฉริยะ นอกจากนี้ ETH ยังถูกนำไปใช้ในการลงทุนใน DeFi และ NFT Marketplace ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างผลรายได้และเข้าร่วมเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ

Ethereum ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้คนทั่วโลกสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ บนโลกบล็อกเชนพร้อมกัน ทำให้ Ethereum เป็นทั้ง สกุลเงินดิจิทัล และรากฐานสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คนจากหลายประเทศเข้าด้วยกัน

เทรด ETH อย่างปลอดภัยกับ KuCoin Thailand ได้แล้ววันนี้ ลงทะเบียนได้เลยง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน คลิกเลย!

 


⚠️  คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


KuCoin Thailand  

(ดำเนินงานโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด)
Email: happy@kucoin.th | Call Center: 02-080-6060 

📲 ดาวน์โหลดแอป KuCoin Thailand ได้แล้วตอนนี้!
👉  คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด  พร้อมให้บริการทั้งบน App Store และ Play Store ประเทศไทย