img

Cryptocurrency คืออะไร? ความหมายและความแตกต่างจากเงินทั่วไป

2025/10/22 05:57:02

Custom

ทำความเข้าใจว่า Cryptocurrency คืออะไร ต่างจากเงินทั่วไปอย่างไร พร้อมอธิบายข้อดี ข้อเสีย และบทบาทที่คริปโตมีต่อเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบัน

Cryptocurrency คือรูปแบบเงินใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบที่เก็บบันทึกธุรกรรมแบบเปิด โปร่งใส และปลอดภัย การทำธุรกรรมด้วยคริปโตสามารถเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ใช้งานโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือรัฐบาล แตกต่างจากเงินทั่วไป (Fiat Currency) ที่ออกโดยธนาคารกลางและถูกควบคุมโดยรัฐ

หลายคนมักสับสนระหว่าง Cryptocurrency กับเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ทั้งสองมีความแตกต่างชัดเจน CBDC เป็นเงินดิจิทัลที่ออกและควบคุมโดยธนาคารกลาง เพียงแต่มาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แทนธนบัตรหรือเหรียญ ขณะที่ Cryptocurrency ไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานใด แต่ทำงานผ่านเครือข่ายบล็อกเชนทั่วโลก ซึ่งผู้ใช้งานสามารถโอน ส่ง หรือเก็บรักษามูลค่าได้ด้วยตัวเอง

ข้อดีของคริปโตคือการเปิดโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินอย่างอิสระและรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงและความผันผวนสูง นักลงทุนและผู้ใช้งานควรเข้าใจลักษณะเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจใช้งานหรือลงทุน

คริปโต กับ บิทคอยน์ ต่างกันยังไง? (สิ่งที่มือใหม่มักสับสน)

คริปโตเคอร์เรนซีคือสกุลเงินดิจิทัลบนบล็อกเชน

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือชื่อเรียกรวมของสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน ขณะที่บิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตซึ่งเป็นเหรียญแรกสุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ด้วยเหตุนี้หลายคนมักเข้าใจผิดว่า “คริปโต” กับ “บิทคอยน์” คือสิ่งเดียวกัน

จริงๆ แล้ว บิทคอยน์เป็นเพียงหนึ่งในหลายพันเหรียญคริปโตที่มีอยู่ในตลาด เช่น Ethereum, Tezos, Solana, Cardano และอีกมากมาย แต่ความโดดเด่นของบิทคอยน์ในฐานะเหรียญแรก ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของโลกคริปโตโดยรวม คนทั่วไปจึงอาจใช้คำว่า “บิทคอยน์” แทนคำว่า “คริปโต” ทั้งที่คริปโตมีหลากหลายเหรียญและแต่ละเหรียญก็มีการใช้งานที่แตกต่างกัน

 

Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี)

Bitcoin (บิทคอยน์)

ความหมาย

เงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน มีหลายพันเหรียญ

เหรียญคริปโตเหรียญแรกของโลก สร้างขึ้นปี 2009

เหรียญที่เกี่ยวข้อง

มีหลายพันโครงการ เช่น ETH, BNB, SOL

มีเพียงเหรียญเดียวคือ BTC

จุดประสงค์

ใช้งานหลากหลาย เช่น การเงิน, Smart Contract, NFT

เน้นการเป็นทองคำดิจิทัล และใช้เก็บมูลค่า

ความนิยม

แตกต่างกันไปตามเหรียญและการใช้งาน

เป็นเหรียญที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลก

Cryptocurrency กับ การลงทุนแบบดั้งเดิม

คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กำลังเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนักลงทุนที่มองหาทางเลือกใหม่นอกเหนือจากการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำ หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ 

อย่างไรก็ตาม คริปโตไม่ได้มาแทนที่สินทรัพย์เหล่านี้ แต่เป็นอีกทางเลือกที่มีลักษณะเฉพาะ การเข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างคริปโตกับการลงทุนแบบเดิมจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนและบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

คริปโต vs ทองคำ 

ทองคำเป็นสินทรัพย์เก่าแก่ที่ใช้เก็บมูลค่าและป้องกันเงินเฟ้อมานานหลายศตวรรษ บิทคอยน์จึงมักถูกเรียกว่า “ทองคำดิจิทัล” เพราะมีจำนวนจำกัดและไม่ขึ้นกับนโยบายการเงินของรัฐบาล แต่ความผันผวนของคริปโตสูงกว่าทองคำมาก จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้

คริปโต vs หุ้น 

หุ้นสะท้อนมูลค่าของบริษัทและเติบโตตามผลประกอบการ ขณะที่คริปโตเติบโตจากการนำไปใช้งานจริง เทคโนโลยี และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้คริปโตมีความผันผวนสูงกว่าหุ้นหลายเท่า จึงเหมาะกับผู้ที่พร้อมรับความเสี่ยงสูงและเข้าใจตลาดดิจิทัล

คริปโต vs อสังหาฯ 

อสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าค่อนข้างมั่นคงและให้ผลตอบแทนระยะยาว แต่มีสภาพคล่องต่ำเพราะต้องใช้เวลาในการซื้อขาย ส่วนคริปโตสามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีสภาพคล่องสูงและสะดวกต่อการลงทุนหรือเทรดระยะสั้น

ตารางเปรียบเทียบ Cryptocurrency กับ การลงทุนแบบดั้งเดิม

คริปโตเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีสภาพคล่องสูงและผันผวนมาก

 

Cryptocurrency

ทองคำ

หุ้น

อสังหาริมทรัพย์

การเก็บมูลค่า

จำกัดจำนวน (เช่น BTC) แต่ผันผวนสูง

เก็บมูลค่าได้มั่นคง

ผูกกับผลประกอบการบริษัท

มูลค่ามั่นคงในระยะยาว

โอกาสเติบโต

สูงมาก แต่เสี่ยงสูง

จำกัดตามอุปสงค์-อุปทาน

ขึ้นกับธุรกิจและเศรษฐกิจ

เติบโตตามทำเลและตลาด

ความผันผวน

สูงมาก

ต่ำ

ปานกลาง

ต่ำถึงปานกลาง

สภาพคล่อง

ซื้อขายได้ 24 ชม.

ซื้อขายง่ายในตลาดโลก

ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

สภาพคล่องต่ำ ขายยาก

การเข้าถึง

ง่ายผ่าน Exchange

ง่ายผ่านร้านทอง/ETF

ผ่านโบรกเกอร์

ต้องใช้เงินทุนสูง

 

จากตาราง เมื่อเปรียบเทียบคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) กับการลงทุนแบบดั้งเดิมอย่างทองคำ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นความแตกต่างชัดเจนทั้งในด้านโอกาส ผลตอบแทน และความเสี่ยง

คริปโตเคอร์เรนซีให้ความยืดหยุ่นสูง สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาเปิดปิดของตลาดหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ๆ และมองหาโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ต้องแลกมาด้วยความผันผวนที่สูงมาก

ทองคำมีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับคริปโต แต่ข้อจำกัดคือสภาพคล่องต่ำและการซื้อขายไม่สะดวกเท่าคริปโต ขณะที่หุ้นเติบโตตามผลประกอบการบริษัท ความผันผวนอยู่ในระดับปานกลาง การซื้อขายสะดวก แต่มีข้อจำกัดด้านเวลาตลาดและต้องติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ 

ส่วนอสังหาริมทรัพย์เป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงที่สุดในบรรดาตัวเลือกนี้ แต่ข้อจำกัดคือสภาพคล่องต่ำ ใช้เงินลงทุนสูง และต้องใช้เวลานานในการซื้อขาย

 

คำศัพท์สำคัญที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency (อ่านจบไม่งง)

การลงทุนในคริปโตมักมาพร้อมกับคำศัพท์เฉพาะที่มือใหม่อาจยังไม่คุ้นเคย การเข้าใจคำเหล่านี้จะช่วยให้ติดตามข่าวสารและตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น

  1. Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี)
    สกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน ใช้สำหรับโอนหรือเก็บมูลค่าโดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารกลาง

  2. Blockchain (บล็อกเชน)
    เทคโนโลยีเบื้องหลังคริปโต เป็นเหมือนสมุดบัญชีออนไลน์ขนาดใหญ่ที่เก็บข้อมูลธุรกรรมอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ 

  3. Bitcoin (BTC)
    คริปโตสกุลแรกของโลกที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 และมักถูกเรียกว่าทองคำดิจิทัล เพราะมีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ

  4. Altcoin (ออลท์คอยน์)
    คำที่ใช้เรียกคริปโตอื่นๆ ที่ไม่ใช่บิทคอยน์ เช่น Ethereum (ETH), Solana (SOL), Ripple (XRP)

  5. Stablecoin (สเตเบิลคอยน์)
    คริปโตที่มูลค่าไม่ผันผวน เพราะผูกกับสินทรัพย์จริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USDT, USDC) เหมาะกับใช้จ่ายหรือโอนเงิน

  6. Exchange (กระดานซื้อขาย)
    แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต เช่น KuCoin Thailand, Binance, Bitkub

  7. Wallet (กระเป๋าเงินดิจิทัล)
    เครื่องมือเก็บคริปโต มีทั้ง Hot Wallet (ออนไลน์ ใช้งานง่าย) และ Cold Wallet (ออฟไลน์ ปลอดภัยสูง)

  8. Mining (การขุดคริปโต)
    กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน แล้วได้รับเหรียญคริปโตเป็นรางวัล ใช้กับเหรียญอย่าง Bitcoin

  9. Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ)
    โปรแกรมอัตโนมัติบนบล็อกเชน ถ้าธุรกรรมมีเงื่อนไขตรงตามที่ตั้งไว้ ระบบจะทำงานให้ทันที 

  10. DeFi (Decentralized Finance)
    การเงินแบบไร้ตัวกลาง ทำธุรกรรมกู้ยืม ฝากเงิน หรือซื้อขายได้โดยตรงบนบล็อกเชน ผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) 

  11. NFT (Non-Fungible Token)
    โทเคนดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน ใช้แทนสินทรัพย์เฉพาะ เช่น งานศิลปะ เพลง ตั๋วงานคอนเสิร์ต หรือไอเท็มในเกม

  12. Gas Fee (ค่าธรรมเนียม)
    ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเมื่อทำธุรกรรมบนบล็อกเชน เช่น โอนเหรียญ หรือใช้ Smart Contract เปรียบได้กับค่าทางด่วนที่ต้องจ่ายเพื่อให้ธุรกรรมของคุณถูกบันทึกลงในระบบ

  13. Proof of Work (PoW)
    วิธียืนยันธุรกรรมแบบใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลแข่งขันกันเหมือนการขุด Bitcoin ข้อดีคือปลอดภัยมาก แต่ใช้พลังงานสูง

  14. Proof of Stake (PoS)
    วิธียืนยันธุรกรรมโดยวางเหรียญเป็นหลักประกัน แทนการขุด ประหยัดพลังงานกว่า PoW เช่น Ethereum รุ่นใหม่

ประเภทของ Cryptocurrency ที่ควรรู้

คริปโตคือเหรียญและโทเคนดิจิทัลหลายประเภทที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์การใช้งานต่างกัน 

เมื่อพูดถึง Cryptocurrency หลายคนอาจคิดถึงแค่ Bitcoin หรือ Ethereum แต่จริงๆ แล้วโลกของคริปโตประกอบด้วยเหรียญและโทเคนดิจิทัลหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองฟังก์ชันและการใช้งานที่แตกต่างกัน 

การทำความเข้าใจประเภทของคริปโตเหล่านี้ช่วยให้สามารถประเมินมูลค่า การใช้งาน และศักยภาพของเหรียญแต่ละตัวได้อย่างถูกต้อง

1. เหรียญ (Coins)

เหรียญเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีบล็อกเชนของตัวเอง ทำให้สามารถใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ได้โดยตรงหรือแม้แต่การซื้อขายสินค้าบริการบางประเภท ซึ่งเหรียญทำงานเหมือนเงินดิจิทัลที่ผู้ใช้งานสามารถส่งให้กันได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคารกลางหรือสถาบันการเงินใดๆ นอกจากนี้ เหรียญยังเป็นหัวใจสำคัญของระบบการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายอีกด้วย

ตัวอย่าง

  • Bitcoin (BTC)

  • Ethereum (ETH)

  • Tezos (XTZ)

2. โทเคน (Tokens)

โทเคนเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ต่างจากเหรียญตรงที่ไม่มีบล็อกเชนของตัวเอง แต่จะสร้างขึ้นบนเครือข่ายของเหรียญอื่น เปรียบเสมือนการ เช่าแพลตฟอร์มมาสร้างระบบของตัวเอง ทำให้โทเคนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น การซื้อขายในเกม หรือการลงทุนในโปรเจกต์ DeFi 

เนื่องจากโทเคนต้องพึ่งพาเครือข่ายอื่น ความเร็วและค่าธรรมเนียมในการใช้งานจึงขึ้นอยู่กับเครือข่ายนั้นๆ แต่ข้อดีคือการสร้างโทเคนง่ายกว่า ไม่ต้องพัฒนาบล็อกเชนเอง ทำให้ผู้พัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆ สามารถทดลองไอเดียได้เร็วและประหยัดต้นทุน

ตัวอย่าง

 

  • Uniswap (UNI): โทเคนของแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ Uniswap สร้างบน Ethereum

  • AXS (Axie Infinity Shard): โทเคนของเกม Axie Infinity สร้างบน Ethereum

3. Stablecoins

เหรียญคริปโตที่ออกแบบให้มีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ เหรียญเหล่านี้จึงมีราคาค่อนข้างคงที่ ไม่ผันผวนเหมือนประเภทอื่น ทำให้สะดวกในการเก็บรักษามูลค่า และใช้จ่าย 

  • USDT, USDC: ผูกกับ USD

  • DAI: Stablecoin แบบกระจายศูนย์

4. Utility Tokens

โทเคนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานภายในระบบหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ เช่น ใช้ชำระค่าบริการ ลดค่าธรรมเนียม หรือปลดล็อกฟีเจอร์พิเศษบางอย่าง โทเคนประเภทนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเก็บมูลค่าเหมือนเงินดิจิทัลทั่วไป แต่เน้นการใช้งานจริงภายในระบบนั้นๆ

  • BNB: ใช้ลดค่าธรรมเนียมใน Binance Exchange

  • LINK: ใช้ในเครือข่าย Chainlink

5. Security Tokens

โทเคนที่แทนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในสินทรัพย์ เช่น หุ้น กองทุน หรืออสังหาฯ ลักษณะเหมือนการลงทุนแบบดั้งเดิม แต่ย้ายมาอยู่บนบล็อกเชน

ตัวอย่าง

  • tZERO (TZROP): แทนสิทธิ์ในหุ้นหรือผลประโยชน์ของบริษัท tZERO

  • RealT: แทนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จริงในสหรัฐอเมริกา ผู้ถือโทเคนจะได้รับรายได้ค่าเช่าตามสัดส่วนที่ถือ

6. Governance Tokens

โทเคนดิจิทัลที่มอบสิทธิ์ให้ผู้ถือสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางและนโยบายของโปรเจกต์หรือแพลตฟอร์มบนบล็อกเชนได้ ผู้ถือสามารถโหวตเรื่องต่างๆ เช่น การปรับค่าธรรมเนียม เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ หรือการจัดการสินทรัพย์ ทำให้การพัฒนาโปรเจกต์เกิดขึ้นแบบกระจายศูนย์และโปร่งใส ไม่ขึ้นอยู่กับทีมงานเพียงฝ่ายเดียว

  • MKR (Maker)

  • COMP (Compound)

7. NFTs (Non-Fungible Tokens)

โทเคนดิจิทัลที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ไม่สามารถแทนกันได้เหมือนเหรียญคริปโตทั่วไป (เช่น Bitcoin หรือ Ethereum) เพราะแต่ละ NFT จะมีข้อมูลเฉพาะตัว ทำให้สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ได้ ใช้แทนสินทรัพย์เฉพาะตัว เช่น งานศิลปะ เพลง ไอเทมเกม หรือที่ดินเสมือนใน Metaverse

  • CryptoPunks

  • Bored Ape Yacht Club

 

ข้อดีและข้อเสียของ Cryptocurrency

Cryptocurrency มีจุดเด่นด้านการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว โปร่งใส และไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนควรรู้ 

ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ Cryptocurrency

 

 

ข้อดี

ข้อเสีย

การทำธุรกรรม

โอนเงินรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ (บางเครือข่าย)

หากเครือข่ายแออัด ค่าธรรมเนียมอาจสูงและธุรกรรมล่าช้า

ความโปร่งใส

ทุกธุรกรรมถูกบันทึกบนบล็อกเชน ตรวจสอบได้

ข้อมูลเปิดเผยสู่สาธารณะ ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลง

การเข้าถึง

ไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร ใช้งานได้ทั่วโลก

ยังมีความซับซ้อนสำหรับมือใหม่

โอกาสการลงทุน

มีโอกาสทำกำไรสูงจากการเติบโตของโปรเจกต์

ความผันผวนสูง ขาดทุนได้ง่าย

การกระจายอำนาจ

ไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือสถาบันกลาง

เสี่ยงต่อการถูกจำกัดหรือแบนในบางประเทศ

นวัตกรรม

ใช้ใน DeFi, NFT, Metaverse และ Web3

โปรเจกต์จำนวนมากยังใหม่ มีความเสี่ยงล้มเหลว

 

คริปโต เล่นยังไง? วิธีเริ่มต้นสำหรับมือใหม่

การลงทุนในคริปโตเปิดโอกาสให้เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่าย ทำธุรกรรมรวดเร็ว และมีเหรียญให้เลือกหลากหลาย แต่สำหรับผู้เริ่มต้น สิ่งสำคัญคือการเข้าใจพื้นฐาน เช่น วิธีซื้อขาย การเก็บรักษาเหรียญอย่างปลอดภัย และการประเมินความเสี่ยงของแต่ละเหรียญ

หนึ่งในวิธีเริ่มต้นที่สะดวกและปลอดภัยคือการใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่น่าเชื่อถือ เช่น KuCoin Thailand ซึ่งรองรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักลงทุนมืออาชีพ ทำให้สามารถเปิดบัญชี ซื้อขายเหรียญ และจัดการกระเป๋าคริปโตได้ครบจบในที่เดียว

การเริ่มต้นลงทุนบน KuCoin Thailand สามารถทำได้ง่ายๆ เพียง 4 ขั้นตอนหลัก:

  1. สมัครบัญชี KuCoin Thailand: ลงทะเบียนด้วยอีเมลหรือเบอร์โทร และยืนยันตัวตน (KYC) เพื่อความปลอดภัย

  2. ฝากเงินเข้าบัญชี: เติมเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลหรือโอนเงินบาทผ่านช่องทางที่แพลตฟอร์มรองรับ

  3. เลือกเหรียญที่สนใจ: เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, TRX หรือเหรียญอื่นๆ ตามที่ต้องการ

  4. เริ่มซื้อขายและจัดการกระเป๋าเงิน: ซื้อเหรียญ โอนเก็บ หรือใช้ทำธุรกรรมอื่นๆ ตามต้องการ

 

อัปเดตสถานการณ์ Cryptocurrency ล่าสุด (2025) 

Bitcoin (BTC) ฟื้นตัวท่ามกลางความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed

Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้น 0.8% สู่ระดับประมาณ $112,140 หลังจากรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก Federal Reserve ซึ่งจะส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตน่าสนใจมากขึ้น
ข้อมูลจาก : https://coincentral.com/bitcoin-price-prediction-why-btc-could-top-150000-in-september

Ethereum (ETH) ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น พร้อมเป้าหมาย $5,800

Ethereum (ETH) ยังคงมีแรงหนุนจากการลงทุนของสถาบันและการอัปเกรดโปรโตคอล ล่าสุด ETH ซื้อขายที่ประมาณ $4,364 และมีแนวโน้มทะยานสู่ $5,800 ภายในสิ้นปี 2025
ข้อมูลจาก : https://www.indiatimes.com/partner/ethereum-price-prediction-eth-shows-strength-targeting-5800-dollars-as-little-pepe-lilpepe-steadily-gains-traction-669431.html

TRON (TRX) ได้รับการลงทุนใหม่จาก Bravemorning

ราคาหุ้นของ TRON ปรับตัวขึ้นหลังจากได้รับการลงทุนใหม่จาก Bravemorning ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับโปรเจกต์ในอนาคต
ข้อมูลจาก : https://www.morningstar.com/news/dow-jones/202509086108/tron-shares-rise-after-new-investment-from-bravemorning

 

การใช้งาน Cryptocurrency ในโลกจริง

การใช้งานคริปโตในโลกจริงครอบคลุมหลายด้าน 

การใช้งานคริปโตในโลกจริงมีความหลากหลายและเริ่มเข้ามามีบทบาททั้งในด้านการเงิน การลงทุนและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยสามารถแบ่งการใช้งานหลักๆ ดังนี้:

1. การชำระเงินและโอนเงิน
คริปโตสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการโอนเงินระหว่างประเทศอย่างรวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารแบบดั้งเดิม ทำให้เหมาะกับธุรกิจออนไลน์และผู้ที่ต้องการโอนเงินข้ามประเทศโดยไม่ผ่านตัวกลาง (ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้คริปโตเป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ) 

2. การลงทุนและเก็งกำไร
คริปโตสามารถใช้ลงทุนหรือเก็งกำไรได้ นักลงทุนอาจเก็บเหรียญไว้ระยะยาว หรือนำไป Staking เพื่อรับผลตอบแทนเหมือนดอกเบี้ย (ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้นำคริปโตเคอร์เรนซีไปทำ Staking) นอกจากนี้ยังสามารถซื้อขายบนแพลตฟอร์มอย่าง KuCoin Thailand เพื่อทำกำไรทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ 

3. DeFi (Decentralized Finance)
ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถกู้ยืม ฝากเงิน แลกเปลี่ยน หรือทำธุรกรรมต่างๆ ได้โดยตรงบนบล็อกเชน โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินกลาง ซึ่งมีเหรียญคริปโตเป็นสกุลเงินหลักในการทำธุรกรรมภายในระบบ ทำให้สะดวก รวดเร็ว และโปร่งใสมากขึ้น

4. NFT และ GameFi
คริปโตถูกใช้เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรม NFT ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง (mint) ซื้อ ขาย ไอเทมในเกม หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เหรียญคริปโตทำหน้าที่เหมือนเงินภายในระบบดิจิทัลและ Marketplace

ความเสี่ยงและสิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุนคริปโต

ก่อนจะก้าวเข้าสู่การลงทุนคริปโต นักลงทุนควรรู้ว่าแม้คริปโตจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่แตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิม การทำความเข้าใจประเด็นเหล่านี้อาจช่วยลดโอกาสขาดทุนได้

1. ความผันผวนของราคา
ความผันผวนของราคาเป็นความท้าทายของการลงทุนในโลกคริปโต เนื่องจากราคาสามารถขยับขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง สาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ข่าวสารทางเศรษฐกิจ กระแสความนิยมของเหรียญ หรือความเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ 

2. กฎหมายและการกำกับดูแล
คริปโตยังถือเป็นสินทรัพย์ใหม่ในหลายประเทศ ทำให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การออกข้อบังคับให้ซื้อขายคริปโตผ่าน Exchange ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.เท่านั้น หรือมีการกำหนดภาษีจากกำไรการลงทุน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานและมูลค่าของเหรียญ นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารอยู่เสมอ

3. ความเสี่ยงจากแพลตฟอร์มซื้อขาย
การเก็บเหรียญไว้บน Exchange แม้จะสะดวก แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น การถูกแฮ็ก ระบบล่ม หรือการที่แพลตฟอร์มปิดตัวกะทันหัน หากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ เงินลงทุนอาจสูญหายได้ การเลือก Exchange ที่มีชื่อเสียงและได้มาตรฐาน รวมถึงการย้ายเหรียญไปเก็บในกระเป๋าดิจิทัลส่วนตัว (Wallet) จะช่วยลดความเสี่ยงได้

4. การถูกหลอกลวงและโปรเจกต์ปลอม
ตลาดคริปโตเปิดกว้างให้ใครก็สามารถสร้างเหรียญหรือโครงการใหม่ได้ ทำให้มีทั้งโปรเจกต์จริงและโปรเจกต์ปลอมปะปนกันไป โดยมักจะใช้ ใช้กลยุทธ์ชวนเชื่อให้นักลงทุนรีบตัดสินใจ หากไม่ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน อาจตกเป็นเหยื่อของการโกงหรือ rug pull ได้ง่าย

5. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัย
แม้บล็อกเชนจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในด้านอื่นๆ เช่น การถูกแฮก การเก็บรหัสผ่าน (Private Key) ไม่ปลอดภัย หรือสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่มีช่องโหว่ทางเทคนิค การเรียนรู้วิธีป้องกัน เช่น การใช้กระเป๋า Cold Wallet และการเปิดการยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA) จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

จะเห็นได้ว่าคริปโตเป็นการลงทุนที่มีโอกาสสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน สิ่งสำคัญคือการศึกษา ทำความเข้าใจ และวางกลยุทธ์ก่อนเริ่มลงทุนเสมอ

Cryptocurrency กับอนาคตการเงินโลก

 

ในปี 2025 คริปโตเคอร์เรนซีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของระบบการเงินโลก หลังจากได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงินรายใหญ่ บริษัทเทคโนโลยี และรัฐบาลในหลายประเทศ 

 

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้คริปโตไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรอีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการเงินโลก

การยอมรับของสถาบันการเงินและการพัฒนา

สถาบันการเงินทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในระยะยาว 

 

รายงานจาก Cointelegraph ระบุว่าในปี 2025 สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มให้บริการเกี่ยวกับ Bitcoin และ Stablecoins โดยคาดว่าจะมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งหลังของปี 2025

 

นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้นโดยจากรายงานเพิ่มเติมสรุปได้ว่า การใช้ Stablecoins ในการโอนเงินระหว่างประเทศช่วยลดค่าธรรมเนียมและเวลาในการทำธุรกรรมอย่างมีนัยสำคัญ 

 

ขณะเดียวกัน การนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ เช่น Decentralized Finance (DeFi) และ Bitcoin DeFi ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่ง Cointelegraph ยังระบุไว้อีกว่า DeFi ที่ใช้ Bitcoin เป็นพื้นฐานกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในปี 2025

 

ความท้าทายและความเสี่ยง

แม้ว่าการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีความท้าทายและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา เช่น ความผันผวนของราคา การขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน และความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ 

รายงานจาก Bank of Italy ระบุว่า ความผันผวนของสกุลเงินดิจิทัลและการเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงิน เช่น การซื้อขายผ่าน Exchange หรือใช้เป็นหลักประกันทางการเงิน หากเกิดเหตุการณ์ความผันผวนรุนแรง อาจส่งผลให้ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเกิดความสั่นคลอน และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

การใช้งานสกุลเงินดิจิทัลในปี 2025 กำลังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลก โดยมีการยอมรับจากสถาบันการเงิน การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และการนำเสนอบริการทางการเงินใหม่ๆ 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลก่อนการลงทุน

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Cryptocurrency

1. คริปโตคืออะไร เล่นยังไง?

 

Cryptocurrency คือสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้การโอนเงินและเก็บมูลค่าเป็นไปอย่างปลอดภัย โปร่งใส และไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือหน่วยงานกลาง 

 

วิธีเล่นคริปโตสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ซื้อขายบน Exchange เพื่อเก็งกำไร ถือเหรียญระยะยาว Staking เพื่อรับผลตอบแทน หรือขุดเหรียญ (Mining) ขึ้นอยู่กับประเภทเหรียญและวิธีที่รองรับ

 

2. Cryptocurrency มีกี่ประเภท?

คริปโตหลักๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท:

  • เหรียญสกุลเงิน (Currency Coins) คริปโตที่มีบล็อกเชนของตัวเอง ใช้โอนเงินหรือชำระค่าธรรมเนียมบนเครือข่าย

  • โทเคน (Tokens) คริปโตที่สร้างบนบล็อกเชนของเหรียญอื่น ใช้ในแพลตฟอร์มหรือแอปต่างๆ

  • Stablecoin คริปโตที่มูลค่าคงที่ ผูกกับสกุลเงินจริง เช่น ดอลลาร์ ช่วยลดความผันผวน

 

3. ข้อดี ข้อเสียคริปโต คืออะไร?

ข้อดีของ Cryptocurrency:

  • โอนเงินเร็ว ทั่วโลก

  • ค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับระบบธนาคาร

  • การลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง

  • สามารถเข้าถึงบริการ DeFi และ NFT

 

ข้อเสียของ Cryptocurrency:

  • ราคาผันผวนสูง ทำให้มูลค่าการลงทุนไม่แน่นอน

  • เสี่ยงถูกแฮกหรือสูญหาย หากเก็บในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่ปลอดภัย

  • กฎหมายและการกำกับดูแลยังไม่ชัดเจนในหลายประเทศ

  • บางเหรียญมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง อาจขายไม่ได้ทันทีหรือราคาตกอย่างรวดเร็ว

 

4. คริปโตกับบิทคอยน์ต่างกันยังไง?

  • Bitcoin คือสกุลเงินดิจิทัลตัวแรก และมักถูกเรียกว่าทองคำดิจิทัล เพราะมีจำนวนจำกัดและใช้เก็บมูลค่าได้

  • Cryptocurrency คือคำเรียกรวมของทุกเหรียญดิจิทัล รวมทั้ง Bitcoin ด้วย
    สรุปคือ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของคริปโต แต่คริปโตไม่ได้มีแค่ Bitcoin

5. ลงทุนคริปโตเริ่มยังไงดี?

เริ่มต้นง่ายๆ สำหรับมือใหม่:

  1. สมัครบัญชีบน แพลตฟอร์ม Exchange ที่น่าเชื่อถือ เช่น KuCoin Thailand

  2. ยืนยันตัวตน (KYC)

  3. ฝากเงินและเลือกเหรียญที่สนใจ

  4. ซื้อ/ขายและเรียนรู้การเก็บรักษาเหรียญด้วย Hot Wallet หรือ Cold Wallet

6. 1 คริปโต เท่ากับกี่บาทไทย?

ราคาคริปโตแต่ละเหรียญจะแตกต่างกันและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งการแปลงเป็นเงินบาทจะขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินในตลาด ณ ขณะนั้น

ตรวจสอบราคาคริปโตแบบเรียลไทม์ได้ง่ายๆ ได้ที่ KuCoin Thailand ดูข้อมูลอัปเดตล่าสุดและคำนวณมูลค่าคริปโตเป็นเงินบาททันที

สรุป Cryptocurrency คืออะไร

Cryptocurrency คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้สามารถทำธุรกรรมโอนเงินและเก็บมูลค่าได้โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือหน่วยงานกลางแบบดั้งเดิม ระบบนี้ช่วยให้การโอนเงินรวดเร็ว ปลอดภัย และมีค่าธรรมเนียมต่ำ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก ทำให้คริปโตกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่นักลงทุนและผู้ใช้งานให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผู้เริ่มต้น คริปโตถือเป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่ายและสะดวก นักลงทุนควรเริ่มจากการทำความเข้าใจพื้นฐานของเหรียญ วิธีการซื้อขาย และการจัดเก็บเงินดิจิทัลอย่างระมัดระวังเพื่อการลงทุนที่มั่นคง

เริ่มต้นเทรดคริปโตอย่างปลอดภัยบน KuCoin Thailand แพลตฟอร์ม Exchange ชั้นนำ ลงทะเบียนวันนี้เพื่อเปิดบัญชี และจัดการกระเป๋าเงินคริปโตของคุณได้เลยง่ายๆ พร้อมก้าวเข้าสู่โลกของคริปโตอย่างมั่นใจ


⚠️  คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


KuCoin Thailand  

(ดำเนินงานโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด)
Email: happy@kucoin.th | Call Center: 02-080-6060 

📲 ดาวน์โหลดแอป KuCoin Thailand ได้แล้วตอนนี้!
👉  คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด  พร้อมให้บริการทั้งบน App Store และ Play Store ประเทศไทย