บิทคอยน์คืออะไร? คู่มือครบ อ่านจบเริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์ได้เลย
เรียนรู้บิทคอยน์คืออะไร คู่มือครบ จบในบทความเดียว พร้อมแนวทางและวิธีลงทุนบิทคอยน์สำหรับมือใหม่เข้าใจง่าย
บิทคอยน์คืออะไร และทำไมคนถึงสนใจ?
บิทคอยน์ (Bitcoin หรือ BTC) คือสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกที่สร้างขึ้นในปี 2009 ทำงานบนระบบ บล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทดิจิทัลที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้และไม่สามารถแก้ไขย้อนหลัง ทำให้บิทคอยน์มีความโปร่งใสและปลอดภัย
จุดเด่นของบิทคอยน์คือการเป็น สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ขึ้นกับธนาคารหรือรัฐบาล รวมถึงมีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญทำให้บางคนมองว่าเป็นเครื่องมือเก็บมูลค่าเหมือนทองคำ
นอกจากนี้บิทคอยน์ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนและผู้ใช้งานทั่วโลก เนื่องจากสามารถใช้ในการ โอนเงินข้ามประเทศได้รวดเร็ว และเป็นสื่อกลางสำหรับการลงทุนหรือเก็งกำไร ด้วยความผันผวนของราคา ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
ใครเป็นผู้สร้างบิทคอยน์ และมีที่มาจากไหน?
ผู้สร้างบิทคอยน์ คือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครทราบตัวตนที่แท้จริงของเขาอย่างแน่ชัดว่ามาจากประเทศใด
สิ่งที่ทราบคือ Satoshi ได้เผยแพร่ Whitepaper ของ Bitcoin ในปี 2008 โดยอธิบายแนวคิดของเงินดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer ที่ไม่ต้องพึ่งธนาคารกลางและสามารถโอนเงินข้ามประเทศได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
หลังจากนั้นในปี 2009 บิทคอยน์ถูกเปิดตัวเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ ซึ่งแนวคิดของ Satoshi กลายเป็นจุดเริ่มต้นของโลกคริปโตเคอร์เรนซี และบล็อกเชนยุคใหม่ที่เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการเงินและการลงทุนทั่วโลก
จุดเด่นสำคัญของบิทคอยน์ที่ควรรู้
บิทคอยน์มีคุณสมบัติเด่นหลายอย่างที่แตกต่างจากเงินแบบดั้งเดิม ได้แก่
-
ไม่ได้ขึ้นกับธนาคารหรือรัฐบาล: ผู้ถือบิทคอยน์สามารถโอนเงินเองแบบเพียร์ทูเพียร์โดยตรงทั่วโลก โดยไม่ต้องผ่านธนาคารกลางหรือหน่วยงานรัฐบาลใดๆ ซึ่งจะช่วยลดความล่าช้าและค่าธรรมเนียมการโอนข้ามประเทศ
-
จำนวนจำกัด: บิทคอยน์มีจำนวนจำกัดสูงสุดเพียง 21 ล้านเหรียญ ทำให้มีความหายากตามหลักอุปสงค์และอุปทาน แตกต่างจากเงินสดทั่วไปที่ธนาคารสามารถพิมพ์เพิ่มได้ตามนโยบายการเงิน
-
ความโปร่งใส: ธุรกรรมทุกครั้งถูกบันทึกบน Blockchain ซึ่งผู้ใช้ทุกคนสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ทำให้ลดความเสี่ยงการโดนโกง ปลอมแปลง หรือทุจริต และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
-
ความปลอดภัยสูง: ระบบ Blockchain ของบิทคอยน์มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะแต่ละธุรกรรมจะเชื่อมโยงกัน ทำให้ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ และใช้เทคนิคการเข้ารหัสที่ซับซ้อน ป้องกันการโจรกรรมออนไลน์
-
โอนเงินข้ามประเทศได้รวดเร็ว: การโอนบิทคอยน์ไปต่างประเทศสามารถทำได้ภายในไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมที่จ่ายโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร ซึ่งสะดวกและประหยัดกว่าการโอนเงินระหว่างประเทศด้วยวิธีดั้งเดิม
Bitcoin vs เงินสดทั่วไป
คุณสมบัติ |
Bitcoin (BTC) |
เงินสดทั่วไป |
การควบคุม |
ไม่ขึ้นกับธนาคารหรือรัฐบาล ผู้ถือควบคุมเอง |
ขึ้นกับธนาคารกลางและรัฐบาล |
จำนวนจำกัด |
21 ล้านเหรียญ สร้างความหายากและเก็บมูลค่า |
สามารถพิมพ์หรือออกได้ตามนโยบายการเงิน |
ความโปร่งใส |
ตรวจสอบธุรกรรมได้บน Blockchain ทุกคนเห็นข้อมูล |
ตรวจสอบได้ยาก ต้องพึ่งธนาคารหรือหน่วยงาน |
ความปลอดภัย |
ปลอดภัยสูง ป้องกันการแก้ไขย้อนหลังและปลอมแปลง |
เสี่ยงต่อการปลอมแปลง สูญหาย หรือถูกขโมย |
การโอนเงินระหว่างประเทศ |
โอนเร็ว ภายในไม่กี่นาทีหรือชั่วโมง ไม่มีธนาคารกลาง |
ต้องผ่านธนาคาร ใช้เวลานาน และค่าธรรมเนียมสูง |
มูลค่าของบิทคอยน์เกิดจากอะไร?
ราคาของบิทคอยน์หลักๆ แล้วเกิดจากอุปสงค์และอุปทานในตลาด ซึ่งหมายความว่าหากนักลงทุนและผู้ใช้งานจำนวนมากต้องการซื้อบิทคอยน์ ราคาก็จะสูงขึ้น
ในทางกลับกัน หากมีการขายออกมาก ราคาก็อาจลดลง นอกจากนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ก็มีผลต่อราคาเช่นกัน
ปัจจัยสำคัญที่กำหนดมูลค่าบิทคอยน์ ได้แก่:
-
มีจำนวนจำกัด: มีจำนวนสูงสุดเพียง 21 ล้านเหรียญ
-
กลไก Halving: การขุดเหรียญใหม่ที่จำนวนจะลดลงตามรอบ ทำให้มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นตามความต้องการ
-
การยอมรับและการใช้งานจริง: ใช้โอนเงินข้ามประเทศ ซื้อสินค้า ลงทุนดิจิทัล หรือเก็งกำไร
-
ข่าวสารและการตัดสินใจของสถาบันใหญ่ๆ: การประกาศนโยบาย การลงทุนของสถาบันต่างๆ หรือกฎหมายใหม่ต่างส่งผลต่อความเชื่อมั่นและราคา
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ บิทคอยน์จึงถูกเรียกว่า “ทองคำดิจิทัล” เพราะมีปริมาณจำกัด สามารถเก็บมูลค่า และเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ แต่ต่างจากทองตรงที่ บิทคอยน์สามารถโอนและเข้าถึงได้แบบดิจิทัลทั่วโลก หากใครสนใจมาลองเช็ก ราคา Bitcoin วันนี้ ได้เลย
บิทคอยน์เล่นยังไง และเริ่มต้นลงทุนบิทคอยน์อย่างไร
ขุดบิทคอยน์ (Bitcoin Mining)
การขุดบิทคอยน์เป็นกระบวนการที่ใช้พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์หรือเครื่องขุดเฉพาะ (ASIC) เพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบยืนยันธุรกรรมบนเครือข่ายบิทคอยน์ เมื่อแก้สมการสำเร็จ ผู้ขุดจะได้รับรางวัลเป็นบิทคอยน์ใหม่
แม้ว่าการขุดบิทคอยน์จะมีศักยภาพสร้างรายได้ แต่ก็มีข้อจำกัดสำคัญคือ ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูงและอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถแข่งขันกับผู้ขุดรายอื่นๆ ได้ ดังนั้นการลงทุนในอุปกรณ์ขุดและค่าไฟฟ้าจึงเป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนวณให้รอบคอบ
นอกจากนี้ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคและสามารถลงทุนในอุปกรณ์ขุดได้ เพราะต้องเข้าใจการตั้งค่าเครื่องขุด การดูแลรักษา และการเลือก Mining Pool เพื่อให้การขุดมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด
ซื้อขายบิทคอยน์ผ่านแพลตฟอร์ม Exchange
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการลงทุนในอุปกรณ์ขุด การซื้อขายบิทคอยน์ผ่านแพลตฟอร์ม Exchange เป็นวิธีที่สะดวกและง่ายกว่ามาก
แพลตฟอร์มเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตลาดกลางให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้ทันที ข้อดีของวิธีนี้คือไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการขุด และสามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนตามที่ต้องการ
สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย KuCoin Thailand เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Exchange ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยระบบที่ใช้งานง่าย รองรับการซื้อขายบิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลหลายชนิด พร้อมค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม
การสมัครใช้งานและเริ่มต้นลงทุนกับ KuCoin Thailand ก็ทำได้ทันที ทำให้มือใหม่สามารถเริ่มลงทุนบิทคอยน์ได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ
ขั้นตอนเริ่มต้นซื้อบิทคอยน์ที่ KuCoin Thailand
1. สมัครบัญชี KuCoin Thailand
-
เข้าไปที่เว็บไซต์ KuCoin Thailand
-
คลิกที่ "สมัคร" และกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมลและรหัสผ่าน
-
ยืนยันตัวตนผ่านอีเมลที่ได้รับ
2. ยืนยันตัวตน (KYC)
-
เข้าสู่ระบบและไปที่ "บัญชีของฉัน"
-
เลือก "ยืนยันตัวตน" และกรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ ที่อยู่ และอัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตน
-
รอการตรวจสอบจากทีมงาน KuCoin Thailand
3. ฝากเงินเข้าสู่บัญชี
-
ไปที่ "กระเป๋าเงิน" และเลือก "ฝาก"
-
เลือกสกุลเงินที่ต้องการฝาก เช่น THB (บาทไทย) หรือ USDT
-
ทำการโอนเงินตามข้อมูลที่ระบบแสดง
4. ซื้อบิทคอยน์
-
หลังจากยอดเงินเข้าบัญชีแล้ว ไปที่ "ซื้อขาย"
-
เลือกคู่เหรียญที่ต้องการซื้อ เช่น BTC/USDT
-
กรอกจำนวนที่ต้องการซื้อและยืนยันการทำรายการ
วิธีเก็บรักษาบิทคอยน์: Hot Wallet vs Cold Wallet
การเก็บรักษาบิทคอยน์มีสองวิธีหลัก ได้แก่ Hot Wallet และ Cold Wallet ซึ่งต่างกันที่ความสะดวกและความปลอดภัย
-
Hot Wallet (กระเป๋าเงินร้อน) เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เช่น แอปบนมือถือ เว็บไซต์ Exchange หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ ซึ่ง Hot Wallet เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ เข้าถึงและทำธุรกรรมบ่อยๆ เพราะสามารถโอนซื้อขายได้ทันที แต่ความเสี่ยงคืออาจถูกแฮกหรือโจรกรรมออนไลน์ได้
-
Cold Wallet (กระเป๋าเงินเย็น) เป็นกระเป๋าเงินที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น กระดาษพิมพ์ Private Key หรือ Hardware Wallet การเก็บเหรียญใน Cold Wallet มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บบิทคอยน์ระยะยาวแต่อาจไม่สะดวกต่อการซื้อขายหรือโอนเงินบ่อยๆ
คุณสมบัติ |
Hot Wallet (กระเป๋าเงินร้อน) |
Cold Wallet (กระเป๋าเงินเย็น) |
การเชื่อมต่อ |
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา |
ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต |
ความปลอดภัย |
เสี่ยงต่อการแฮกและโจรกรรมออนไลน์ |
ปลอดภัยสูง แทบไม่เสี่ยงต่อการแฮก |
ความสะดวกในการใช้งาน |
สะดวก สามารถโอนซื้อขายได้ทันที |
ไม่สะดวก เหมาะสำหรับเก็บระยะยาว |
เหมาะกับใคร |
ผู้ที่ทำธุรกรรมบ่อยหรือซื้อขายบ่อย |
นักลงทุนระยะยาวหรือเก็บมูลค่าใหญ่ |
ตัวอย่าง |
แอปมือถือ, Exchange, เว็บ Wallet |
Hardware Wallet (Ledger, Trezor), กระดาษ Private Key |
ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนบิทคอยน์
การลงทุนบิทคอยน์เป็นหนึ่งในวิธีที่นักลงทุนหลายคนเลือกเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว หรือ กระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์อื่น การลงทุนในบิทคอยน์ก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่ควรพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุนไม่ต่างกับการลงทุนทุกๆ ประเภท นักลงทุนควรเข้าใจทั้งข้อดีและข้อเสีย เพื่อวางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยง
ข้อดีของการลงทุนบิทคอยน์
-
มีโอกาสเติบโตสูง: บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีปริมาณจำกัด หากความต้องการสูง ราคามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
-
โอนเงินข้ามประเทศสะดวก: สามารถส่งบิทคอยน์ไปยังใครก็ได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านธนาคาร
-
เป็นสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ: เนื่องจากมีจำนวนจำกัด ทำให้บิทคอยน์ถูกมองว่าเป็นทองคำดิจิทัล
-
โปร่งใสและตรวจสอบธุรกรรมได้: ระบบบล็อกเชนทำให้การโอนและถือครองบิทคอยน์ตรวจสอบได้
ข้อเสียของการลงทุนบิทคอยน์
-
ความผันผวนสูง: ราคาบิทคอยน์สามารถขึ้นและลงอย่างรุนแรงภายในเวลาอันสั้น
-
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: หากเก็บใน Hot Wallet หรือเก็บอย่างไม่ระมัดระวัง Private Key อาจถูกแฮกหรือสูญหายได้
-
เรื่องกฎหมายและภาษีที่ไม่แน่นอน: บางประเทศมีข้อจำกัดในการใช้งานหรือภาษีที่เปลี่ยนแปลงได้
-
ต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี: นักลงทุนควรเข้าใจวิธีเก็บรักษา การซื้อขาย และความเสี่ยงของตลาดดิจิทัล
ความเสี่ยงของบิทคอยน์ที่ควรรู้
แม้ว่าบิทคอยน์จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงและเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยม แต่ก็มีความเสี่ยงหลายด้านที่นักลงทุนควรตระหนักก่อนตัดสินใจลงทุน
ความผันผวนของราคา
ราคาบิทคอยน์ขึ้นลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอน บางครั้งราคาอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียว แต่ก็สามารถลดลงแรงได้เช่นกัน ความผันผวนนี้เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความต้องการตลาด การประกาศนโยบายของรัฐบาล ข้อมูลสถาบันลงทุน
หรือเหตุการณ์โลกที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักลงทุนที่ซื้อขายโดยไม่ระมัดระวังอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ภายในเวลาอันสั้น
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องเก็บในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) หากเก็บใน Hot Wallet หรือบน แพลตฟอร์ม Exchange ที่ไม่ได้มาตรฐานก็อาจถูกแฮกได้
นอกจากนี้การจัดการ Private Key หรือรหัสสำคัญส่วนตัวไม่รัดกุมก็ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญ ทำให้การรักษาความปลอดภัยและการเลือกวิธีเก็บรักษาเหรียญมีความสำคัญอย่างมาก
ความเสี่ยงด้านกฎหมายและภาษี
บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ยังอยู่ในพื้นที่กฎหมายที่ไม่ชัดเจนในหลายประเทศ บางประเทศอาจมีข้อจำกัดในการถือครอง ซื้อขาย หรือใช้จ่าย
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและนโยบายภาษีสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้มูลค่าของบิทคอยน์และความสามารถในการใช้งานอาจได้รับผลกระทบ นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารและข้อกำหนดทางกฎหมายในประเทศอย่างสม่ำเสมอ
การตระหนักถึงความเสี่ยง การกระจายการลงทุน และการเก็บรักษาเหรียญอย่างปลอดภัย จะช่วยให้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการลงทุนอย่างยั่งยืนได้
กฎหมายไทยเกี่ยวกับการลงทุนคริปโตที่ควรรู้
-
ในทางกฎหมายของไทยนั้น ก.ล.ต. ได้บังคับใช้ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 เพื่อกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท เช่น คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล
-
นักลงทุนควรเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. เท่านั้น เพราะกฎหมายฉบับใหม่จะเปิดโอกาสให้ ก.ล.ต. ปิดกั้นแพลตฟอร์มที่ไม่ได้อนุญาตได้ง่ายขึ้น
-
ด้านภาษี กรมสรรพากรได้กำหนดให้กำไรจากการขาย/แลกเปลี่ยนคริปโต (หรือผลตอบแทนจากการขุด/ staking) ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ฌ) หรือ มาตรา 40(8) และสามารถหักขาดทุนมาลดภาระภาษีได้ หากธุรกรรมนั้นทำผ่าน Exchange ที่ ก.ล.ต. รับรอง
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://sec.or.th/TH/Documents/DigitalAsset/digitalasset_summary.pdf
https://www.sec.or.th/digitalasset
https://siamblockchain.com/2025/04/13/thai-sec-to-prohibit-unregister-crypto-platform
https://www.rd.go.th/fileadmin/user_upload/lorkhor/information/manual_crypto_310165.pdf
https://siamblockchain.com/2025/01/03/tax-filing-for-thai-crypto-investor-2025/
เปรียบเทียบการลงทุนบิทคอยน์กับการลงทุนอื่นๆ
การลงทุนในบิทคอยน์แตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิมอย่าง หุ้น กองทุนรวมหรือทองคำในหลายด้าน ซึ่งนักลงทุนควรเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้เพื่อเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง
ตารางเปรียบเทียบการลงทุนบิทคอยน์กับการลงทุนอื่นๆ
ประเภทการลงทุน |
ความเสี่ยง |
ความผันผวน |
โอกาสสร้างผลตอบแทน |
การเข้าถึง |
เหมาะกับใคร |
บิทคอยน์ (Bitcoin) |
สูง |
สูง |
สูง |
ออนไลน์ผ่าน Exchange |
นักลงทุนกล้าเสี่ยง มือใหม่ที่ต้องการเริ่มด้วยจำนวนเงินต่ำ |
หุ้น (Stock) |
ปานกลาง |
ปานกลางถึงสูง |
ปานกลางถึงสูง |
ผ่านโบรกเกอร์ |
นักลงทุนระยะกลางถึงยาว ต้องติดตามข่าวสารตลาด |
กองทุนรวม (Mutual Fund) |
ต่ำถึงปานกลาง |
ต่ำถึงปานกลาง |
ปานกลาง |
ผ่านธนาคาร/โบรกเกอร์ |
นักลงทุนระยะยาว ต้องการความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง |
ทองคำ (Gold) |
ต่ำ |
ต่ำ |
ต่ำถึงปานกลาง |
ร้านทอง, ออนไลน์ |
นักลงทุนระยะยาว ต้องการป้องกันเงินเฟ้อ |
อสังหาริมทรัพย์ |
ปานกลาง |
ต่ำ |
ปานกลางถึงสูง |
ต้องซื้อ-ขายภาคพื้น |
นักลงทุนระยะยาว มีทุนมาก และต้องการสร้างรายได้จากค่าเช่า |
จากตาราง เมื่อเปรียบเทียบการลงทุนในบิทคอยน์กับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่างทองคำ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์ จะเห็นว่าบิทคอยน์มีความโดดเด่นในเรื่องสภาพคล่องสูงและการโอนที่รวดเร็วทั่วโลก และยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็แลกมากับความผันผวนของราคาที่สูงและความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย
ขณะที่ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมายาวนาน แม้จะไม่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น แต่ก็เป็น Store of Value ที่เชื่อถือได้
ส่วนหุ้นเป็นการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตระยะยาวและยังสร้างรายได้จากเงินปันผลได้ด้วย แต่ความผันผวนก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและภาวะเศรษฐกิจโดยตรง
ขณะที่อสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ให้ความมั่นคงในระยะยาวและสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องจากค่าเช่า แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
การใช้งานบิทคอยน์ในโลกจริง
แม้ว่าบิทคอยน์มักถูกมองเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่ในโลกจริงก็มีการใช้งานหลายด้านที่น่าสนใจ ซึ่งนักลงทุนและผู้ถือบิทคอยน์สามารถใช้เหรียญได้หลากหลายรูปแบบ เช่น
-
ซื้อสินค้าและบริการ
บิทคอยน์สามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการได้ทั้งออนไลน์และหน้าร้านที่รองรับการชำระเงินด้วยคริปโต การชำระเงินด้วยบิทคอยน์ช่วยให้การทำธุรกรรมรวดเร็ว ไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคาร และสามารถใช้ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าธรรมเนียมโอนเงินระหว่างประเทศเลย
-
โอนเงินข้ามประเทศ
หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของบิทคอยน์คือการโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ ผู้ใช้งานสามารถส่งเงินให้ครอบครัวหรือธุรกิจในต่างประเทศโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือบริษัทโอนเงินแบบดั้งเดิม โดยใช้เวลาทำธุรกรรมเพียงไม่กี่นาทีหรืออาจเป็นหลักชั่วโมง ขึ้นอยู่กับค่าธรรมเนียมและสภาพของเครือข่ายตอนนั้น
-
เข้าร่วม NFT, DeFi และ GameFi
บิทคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ สามารถนำไปใช้ได้ในโลกของ NFT (Non-Fungible Token), DeFi (Decentralized Finance) และ GameFi ซึ่งนักลงทุนสามารถซื้อ NFT ที่เป็นงานศิลปะดิจิทัล เหรียญในเกม หรือเข้าร่วมแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจได้
การใช้บิทคอยน์ในระบบเหล่านี้ทำให้ผู้ลงทุนมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างรายได้หรือผลตอบแทนใหม่ๆ ได้
-
ตลาดออนไลน์และ Marketplace
หลายแพลตฟอร์มออนไลน์และ Marketplace เปิดให้ซื้อขายสินค้าหรือบริการด้วยบิทคอยน์ เช่น ร้านค้าออนไลน์ เว็บขายของสะสม หรือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล
การใช้บิทคอยน์ใน Marketplace ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมได้อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดความเสี่ยงจากการใช้เงินสดหรือบัตรเครดิต
บิทคอยน์คือเงินแห่งอนาคตจริงหรือ?
บิทคอยน์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีศักยภาพการเป็นเงินแห่งอนาคต ด้วยการใช้งานจริงในหลายด้านและการยอมรับจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก
รายงาน “2025 Crypto Market Outlook” ของ Coinbase ระบุว่าตลาดคริปโตมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยมีการยอมรับจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้บิทคอยน์ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเริ่มมีบทบาทในการทำธุรกรรมจริง
นอกจากนี้บิทคอยน์ถูกนำมาใช้ในหลายด้าน เช่น การชำระเงินออนไลน์ การโอนเงินข้ามประเทศ และการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ การใช้งานเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในบิทคอยน์และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นเงินในอนาคต
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Bernstein ได้คาดการณ์ว่าราคาบิทคอยน์อาจแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์หลังจากเหตุการณ์ Bitcoin Halving ในปี 2024 ซึ่งจะลดอัตราการสร้างบิทคอยน์ใหม่ลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนแนวโน้มการเติบโตของราคาบิทคอยน์
ดังนั้น ด้วยการยอมรับจากสถาบันการเงิน การใช้งานจริงในหลายด้าน และแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ทำให้บิทคอยน์มีศักยภาพที่จะเป็นเงินแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง
บิทคอยน์ในประเทศไทย ซื้อขายที่ไหน และกฎหมายว่าอย่างไร
ปัจจุบันนักลงทุนสามารถซื้อขายบิทคอยน์ได้ผ่าน แพลตฟอร์ม Exchange ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่างธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
Kucoin คือหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในไทยที่รองรับการซื้อขายบิทคอยน์และคริปโตหลายสกุล เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุน เพราะมีรูปแบบที่ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์สอนการซื้อขาย และสามารถเริ่มลงทุนได้ทันทีหลังสมัครสมาชิก นักลงทุนจึงสามารถเริ่มต้นซื้อขายบิทคอยน์ได้อย่างมั่นใจทั้งในด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
การเข้าใจเรื่องกฎหมายก็สำคัญเช่นกัน ในประเทศไทย การถือครองและซื้อขายบิทคอยน์ยังถูกควบคุมโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนควรศึกษาข้อกำหนดเรื่องภาษีและข้อบังคับการลงทุน เพื่อการลงทุนที่ถูกต้องและปลอดภัย
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มสนใจบิทคอยน์หรืออยากขยายพอร์ตคริปโตของตัวเอง การเริ่มต้นก็ง่ายและสะดวกเพียงสมัครใช้งาน Kucoin Thailand วันนี้
อัปเดตสถานการณ์บิทคอยน์ ล่าสุด
ราคาบิทคอยน์ร่วงต่ำกว่า $110,000
ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2025 ราคาบิทคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า $110,000 หลังจากหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ $112,000 และ $110,000 ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะทดสอบระดับ $100,000 อีกครั้ง นักวิเคราะห์เตือนว่า หากราคายังไม่สามารถฟื้นตัวได้ อาจมีการปรับฐานต่อเนื่องในระยะสั้น
ข้อมูลจาก : https://cointelegraph.com/news/bitcoin-drops-under-109k-how-low-can-btc-price-go-next
ก.ล.ต. สหรัฐฯ และ CFTC ออกแนวทางการซื้อขายคริปโตแบบ Spot Trading
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และคณะกรรมการการซื้อขายสินค้าอนุพันธ์ (CFTC) ของสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่ชี้แจงว่า กฎหมายปัจจุบันไม่ได้ห้ามการซื้อขายสินทรัพย์คริปโตแบบสปอตบนแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล การออกแนวทางนี้ช่วยเพิ่มความชัดเจนและความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้ให้บริการในตลาดคริปโต
ข้อมูลจาก :
https://cointelegraph.com/news/us-sec-cftc-joint-guidance-spot-crypto-trading
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับบิทคอยน์คืออะไร
1. บิทคอยน์ คืออะไร?
บิทคอยน์ (Bitcoin) คือสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ใช้สำหรับการโอนเงิน การซื้อขาย และการลงทุน
2. 1 บิทคอยน์ เท่ากับกี่บาทไทย?
1 BTC อ้าางอิง ณ วันที่ 4 กันยายน 2025 มีราคาประมาณ 3.6 ล้านบาท โดยอิงจากราคาดอลลาร์สหรัฐที่ประมาณ $110,032 USD และการคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย
3. เหมืองบิทคอยน์คืออะไร?
เหมืองบิทคอยน์ คือกระบวนการใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลเพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์ และยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน ผู้ขุดจะได้รางวัลเป็นบิทคอยน์ใหม่
4. บิทคอยน์ ได้เงินยังไง?
นักลงทุนสามารถสร้างรายได้จากบิทคอยน์ได้หลายวิธี เช่น
-
การซื้อขายเก็งกำไร: คือการซื้อมาแล้วขายออกเมื่อราคาสูงขึ้นเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคา
-
การลงทุนระยะยาว (HODL): ถือครองระยะยาวโดยเชื่อว่ามูลค่าของบิทคอยน์จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
-
การขุดบิทคอยน์ (Mining): ใช้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องขุดพิเศษแก้สมการทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างบล็อกใหม่ และได้รับรางวัลเป็นบิทคอยน์
5. บิทคอยน์ผิดกฎหมายไหม?
ในประเทศไทย บิทคอยน์ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ด้านภาษี
6. บิทคอยน์ซื้อขั้นต่ำกี่บาท?
ไม่จำเป็นต้องซื้อทั้ง 1 BTC สามารถซื้อเป็นเศษเล็ก ๆ ได้ (หน่วยย่อยเรียกว่า Satoshi) เช่น หลักสิบหรือร้อยบาทก็เริ่มได้
7. ใครเป็นเจ้าของบิทคอยน์?
ไม่มีใครเป็นเจ้าของบิทคอยน์ทั้งหมด เครือข่ายนี้กระจายศูนย์ และผู้ที่ถือ Private Key เท่านั้นที่เป็นเจ้าของเหรียญในกระเป๋าของตน
8. ขุดบิทคอยน์คืออะไร?
การขุดบิทคอยน์ (Mining) คือกระบวนการที่ใช้กำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์หรือเครื่องขุดพิเศษ (Mining rigs) เพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน โดยมีรางวัลเป็นบิทคอยน์ใหม่ที่ถูกปล่อยเข้าสู่ระบบและค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม
สรุป บิทคอยน์คืออะไร
บิทคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกที่ปฏิวัติระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถโอนเงินและเก็บรักษามูลค่าได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือหน่วยงานกลางใดๆ ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดภัย ทำให้บิทคอยน์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
แม้จะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่ยังคงเปลี่ยนแปลง แต่บิทคอยน์ก็พิสูจน์แล้วว่ามีบทบาทสำคัญในโลกการเงินยุคใหม่ ทั้งในฐานะสินทรัพย์ลงทุน เครื่องมือเก็งกำไร และช่องทางการชำระเงินที่เริ่มถูกยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย
หากคุณสนใจเริ่มต้นซื้อขายบิทคอยน์อย่างสะดวกและปลอดภัย ลงทะเบียนกับ KuCoin Thailand วันนี้ และเริ่มต้นเส้นทางการเทรดบิทคอยน์ของคุณอย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมีประสบการณ์เทรดอยู่แล้วก็สามารถเทรดบิทคอยน์ได้ง่ายๆ และเข้าถึงเหรียญอื่นๆ ที่หลากหลายได้ทันที
⚠️ คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
KuCoin Thailand
(ดำเนินงานโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด)
Email: happy@kucoin.th | Call Center: 02-080-6060
- Facebook: facebook.com/KuCoinThailand
- Instagram: Kucointhailand
- LINE Official Account: @KuCoinThailand
- X (formerly Twitter): x.com/KuCoinThailand
- Tiktok: @KuCoinThailand
- Telegram: @KuCoinTH_Official
- Facebook Group: Kucoin Thailand Official Community
📲 ดาวน์โหลดแอป KuCoin Thailand ได้แล้วตอนนี้!
👉 คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด พร้อมให้บริการทั้งบน App Store และ Play Store ประเทศไทย