img

อัปเดตสถานการณ์ภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

2025/11/14 09:45:02

Custom

ประเทศไทยมีการพัฒนาแนวคิดและวิธีการเก็บภาษีจากสินทรัพย์ดิจิทัลมาเป็นลำดับ ในช่วงแรกของการพัฒนาโครงสร้างกฎหมายกำกับดูและระบบเศรษฐกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รัฐบาลมุ่งสร้างความเท่าเทียมระหว่างการเก็บภาษีจากรายได้ที่เกิดจากการประกอบธุรกิจและการลงทุนในรูปแบบดั้งเดิมกับการเก็บภาษีจากรายได้ที่มาจากการค้าและลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ดี ในช่วงหลัง ประเทศไทยมีแนวคิดสนับสนุนการพัฒนาให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเจริญเติบโตเป็นกำลังสำคัญหรือ new economic engine ของประเทศ จึงมีแนวคิดในเรื่องการเก็บภาษีในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป บทความนี้ขอนำเสนอข้อมูลและสถานการณ์โครงสร้างภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยในปี 2568 ดังนี้

ในประเทศไทย ผู้ที่มีรายได้หรือได้รับประโยชน์อื่นใดจากการถือครองและการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลมีหน้าที่ต้องนำไปรวมเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4) แห่งประมวลรัษฎากร ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2561 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 25611   แปลเป็นภาษาบ้าน ๆ ง่าย ๆ คือ กฎหมายภาษีบ้านเรากำหนดให้เราต้องเสียภาษีหากมีรายได้จาก 

1) ปันผล ดอกเบี้ย ส่วนแบ่งรายได้ หรือประโยชน์อื่น ๆ จากการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล 

2) ส่วนของกำไรที่เกินทุนจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือที่เรียกกันว่า capital gain นั่นเอง 

นอกจากนั้น หากเราได้รายได้ไม่ว่าจะเป็นจาก 1) หรือ 2) แต่ได้รับในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลหรือเงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่เงินบาท เรามีหน้าที่ “mark to market” หรือเปรียบเทียบมูลค่าของประโยชน์นั้นในรูปแบบของเงินบาท ณ วันที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าว เช่น หากได้รับปันผลเป็น USDT ผู้มีเงินได้ก็มีหน้าที่คำนวณอัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง USDT เป็นเงินบาท ณ วันที่ได้รับปันผลดังกล่าว โดยอาจใช้อัตราแลกเปลี่ยนจากผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใดรายหนึ่ง หรือใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยระหว่างผู้ให้บริการทุกรายก็ได้  นอกจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลแล้ว นิติกรรมที่กำหนดให้มีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างคู่สัญญาเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน ผู้ที่เกี่ยวข้องอาจมีหน้าที่ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ของมูลค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการโอนระหว่างกันด้วย ทั้งนี้เพราะในประเทศไทย กฎหมายไม่ได้รับรองสถานะของสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ว่าจะสกุลใดว่าเป็น เงิน หรือสามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางเพื่อชำระราคาได้เสมือนเงิน2 แต่เป็นเพียงทรัพย์สินตามมาตรา 138 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น3 จึงเข้าข่ายเป็นกิจกรรมที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม4

แม้ว่าหลักการกฎหมายภาษีจะชัดเจนตามบทวิเคราะห์ข้างต้น แต่รัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเข้าแทรกแซงและกำหนดกฎกติกาการเก็บภาษีจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของตลาด ความเป็นไปได้ในการเก็บภาษี และเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนลงทุนผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ จึงมีการออกมาตรการภาษีเพิ่มเติมอีก 3 เรื่องได้แก่

  1. ยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้จากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลในส่วนที่เกินกว่าทุนหรือ capital gain ที่เป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ดิจิทัลในปีภาษีเดียวกัน ซึ่งมีผลตั้งแต่ 14 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป อย่างไรก็ดี การยกเว้นนี้มีผลเฉพาะกับการซื้อขายซึ่งกระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น5

  2. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลที่กระทำในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีนี้มีผลเฉพาะช่วงเวลาสั้น ๆ และต้องได้รับการต่ออายุมาตรการอยู่เสมอ นอกจากนั้น ยังมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย (ในปัจจุบัน ธปท. ยังไม่มีการออก Central Bank Digital Currency หรือ CBDC มาใช้เป็นการทั่วไป มีเพื่อการทดสอบในวงจำกัด (sandbox)

  3. ยกเว้นผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลที่กระทำผ่านศูนย์ซื้อขายและนายหน้าค้าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (capital gain) ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจาก 1) โดยมีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินในปีภาษี 2568 ถึง 2572 หรือทั้งหมด 5 ปีภาษีด้วยกัน6

ด้วยเหตุนี้ จะเห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญที่เกิดขึ้นในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ว่าจะเป็นภาษีจาก capital gain และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากการลงทุนผ่านตัวกลางที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านตัวกลางประเภทเหล่านี้เพิ่มขึ้นในอนาคต


1มาตรา 40 ประมวลรัษฎากร
เงินได้พึงประเมินนั้น คือเงินได้ประเภทต่อไปนี้ รวมตลอดถึงเงินค่าภาษีอากรที่ผู้จ่ายเงินหรือผู้อื่นออกแทนให้สำหรับเงินได้ประเภทต่าง ๆ ดังกล่าว ไม่ว่าในทอดใด
(4) เงินได้ที่เป็น
(ซ) เงินส่วนแบ่งของกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกันที่ได้จากการถือหรือ ครอบครองโทเคนดิจิทัล
(ฌ) ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ เฉพาะซึ่งตีราคา เป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน

2ในสหภาพยุโรป ศาลยุติธรรมสูงสุดในคดี Case C-264/14 (Skatteverket v David Hedqvist), ได้ติดสินไว้ตั้งแต่ปี 2558 ว่า การแลกเปลี่ยนเงินเสมือน (virtual currency) เช่น บิทคอยน์ กับเงินตราหรือเงินสกุลที่ออกโดยรัฐ (fiat currency) ได้รับการยกเว้นจากภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยศาลให้เหตุผลว่า การแลกเปลี่ยนในลักษณะดังกล่าวมีลักษณะไม่ต่างจากการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างกัน จึงควรได้รับยกเว้น ภายใต้ กฎหมายปัจจุบันที่ใช้บังคับกับตราสารทางการเงินอื่น ๆ 

3มาตรา 138 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ทรัพย์สิน หมายความรวมทั้งทรัพย์และวัตถุไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและอาจถือเอาได้

4มาตรา 77/2 ประมวลรัษฎากร
การกระทำกิจการดังต่อไปนี้ในราชอาณาจักร ให้อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามบทบัญญัติในหมวดนี้
(1) การขายสินค้าหรือการให้บริการโดยผู้ประกอบการ
มาตรา 78 ประมวลรัษฎากร
ภายใต้บังคับมาตรา 78/3 ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการขายสินค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(1) การขายสินค้านอกจากที่อยู่ในบังคับตาม (2) (3) (4) หรือ (5) ให้ความรับผิดทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อส่งมอบสินค้า เว้นแต่กรณีที่ได้มีการกระทำดังต่อไปนี้เกิดขึ้นก่อนส่งมอบสินค้าก็ให้ถือว่าความรับผิดเกิดขึ้นเมื่อได้มีการกระทำนั้น ๆ ด้วย

5กฎกระทรวง ฉบับที่ 380 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร 

6กฎกระทรวง ฉบับที่ 399 (พ.ศ. 2568) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร 


⚠️  คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


KuCoin Thailand  

(ดำเนินงานโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด)
Email: happy@kucoin.th | Call Center: 02-080-6060 

📲 ดาวน์โหลดแอป KuCoin Thailand ได้แล้วตอนนี้!
👉  คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด  พร้อมให้บริการทั้งบน App Store และ Play Store ประเทศไทย