พลิกไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน: โอกาส ความท้าทาย และก้าวต่อไป

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน หลายประเทศต่างเร่งหาจุดยืนใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย คำถามสำคัญคือ “เราจะก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคได้จริงหรือไม่” และหากใช่ เส้นทางนั้นควรเริ่มต้นอย่างไร
แนวคิดเรื่อง Financial Hub ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยตั้งเป้าหมายเช่นนี้ แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างระบบนิเวศทางการเงินแข็งแรงพอจะดึงดูดเงินทุนและสถาบันการเงินจากทั่วโลก ตัวอย่างชัดเจนคือสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งใช้ทั้งนโยบายภาษีที่เอื้อต่อการลงทุน กฎเกณฑ์โปร่งใส และโครงสร้างกฎหมายที่สอดคล้องมาตรฐานสากล
สำหรับไทย การจะไปถึงจุดนั้นไม่ใช่แค่ประกาศนโยบาย แต่ต้องปรับโครงสร้างเชิงลึก ตั้งแต่กฎหมายการเงิน การกำกับดูแล ไปจนถึงการสร้างความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุนต่างชาติ
โอกาสและศักยภาพของไทย
ไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงจีน อินเดีย และอาเซียน ทำให้มีข้อได้เปรียบด้านโลจิสติกส์และการเชื่อมโยงตลาดทุน หากพัฒนาตลาดการเงินให้มีสภาพคล่องสูงและผลิตภัณฑ์หลากหลาย ไทยมีศักยภาพจะเป็นศูนย์กลางการระดมทุนในภูมิภาค อีกทั้งระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยมั่นคงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ และตลาดตราสารหนี้มีขนาดใหญ่ จุดแข็งเหล่านี้คือฐานสำคัญ หากได้รับการสนับสนุนจากนโยบายที่ชัดเจนและต่อเนื่อง
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ความท้าทายสำคัญคือความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายและการบังคับใช้ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังมองว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยล่าช้าและไม่แน่นอน ขณะที่กฎเกณฑ์การเงินบางส่วนยังไม่สอดคล้องมาตรฐานสากล อีกทั้งการเปิดเสรีทางการเงินเพื่อดึงดูดสถาบันระดับโลกต้องมาพร้อมกรอบกฎหมายที่เอื้อต่อธุรกรรมข้ามพรมแดน และการบริหารความเสี่ยงด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยไม่ละเลยการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ การแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ก็เป็นแรงกดดัน หากไทยไม่มีจุดขายที่ชัดเจน อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
บทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ในยุคดิจิทัล การเป็นศูนย์กลางทางการเงินไม่ได้หมายถึงแค่มีธนาคารใหญ่ แต่ต้องเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางการเงิน เช่น ฟินเทค บล็อกเชน และสินทรัพย์ดิจิทัล ประเทศที่สร้างระบบนิเวศเอื้อต่อสตาร์ทอัพด้านการเงินจะดึงดูดทั้งเงินทุนและบุคลากรคุณภาพ ไทยมีความพยายามผลักดันเทคโนโลยีทางการเงิน เช่น กฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และธนาคารไร้สาขา แต่ยังต้องการความชัดเจนและต่อเนื่องในเชิงนโยบาย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประเทศพร้อมเป็น “สนามจริง” ของนวัตกรรม
ก้าวต่อไปที่ควรพิจารณา
หากไทยต้องการเดินหน้าอย่างจริงจัง การปฏิรูปเชิงโครงสร้างเป็นสิ่งจำเป็น ตั้งแต่ปรับกฎหมายการเงินให้สอดคล้องมาตรฐาน OECD และสากล สร้างกลไกระงับข้อพิพาทที่รวดเร็วและเป็นธรรม ไปจนถึงพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการเงินและกฎหมายระหว่างประเทศ ภาครัฐควรมีบทบาทเชิงรุก เช่น จัดตั้ง เขตเศรษฐกิจการเงินพิเศษ ที่มีระบบภาษีและกฎเกณฑ์เฉพาะ เพื่อดึงดูดสถาบันการเงินและบริษัทข้ามชาติ พร้อมสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงตลาดทุนและระบบการชำระเงินในภูมิภาค
ในเรื่องนี้ ร่าง พระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ถือเป็นก้าวสำคัญ โดยมีเป้าหมายสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เชื่อมโยงมาตรฐานสากล ครอบคลุมธุรกิจเป้าหมาย 8 ประเภท เช่น ธนาคารพาณิชย์ บริการชำระเงิน หลักทรัพย์ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า สินทรัพย์ดิจิทัล และประกันภัย โดยเน้นให้บริการลูกค้านอกประเทศเพื่อลดผลกระทบต่อระบบการเงินภายใน พร้อมจัดตั้ง คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางฯ และ สำนักงาน One-stop Authority (OSA) เพื่ออำนวยความสะดวก ลดความซ้ำซ้อน และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
ผู้ได้รับอนุญาตจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีและมิใช่ภาษี เช่น ยกเว้นภาษีบางประเภท ผ่อนปรนกฎแรงงานต่างชาติ และเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน แต่กฎหมายยังคงมาตรการเข้มงวด เช่น ป้องกันการฟอกเงิน กำกับการเคลื่อนย้ายเงินทุน และห้ามชักชวนลูกค้าในประเทศ
บทสรุป
การเป็นศูนย์กลางทางการเงินไม่ใช่เป้าหมายที่ทำได้ในเวลาอันสั้น แต่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ความกล้าหาญทางนโยบาย และการสร้างความเชื่อมั่น หากไทยผสมผสานจุดแข็งกับการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง และเปิดรับนวัตกรรมทางการเงินอย่างจริงจัง ก็มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการเงินสำคัญของภูมิภาค ท้ายที่สุด นโยบายจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน การชวนคุยเรื่อง “พลิกไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงิน” จึงไม่ใช่แค่คำถามเชิงนโยบาย แต่คือการเปิดพื้นที่ให้สังคมร่วมกันกำหนดอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ
⚠️ คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
KuCoin Thailand
(ดำเนินงานโดยบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด)
Email: happy@kucoin.th | Call Center: 02-080-6060
- Facebook: facebook.com/KuCoinThailand
- Instagram: Kucointhailand
- LINE Official Account: @KuCoinThailand
- X (formerly Twitter): x.com/KuCoinThailand
- Tiktok: @KuCoinThailand
- Telegram: @KuCoinTH_Official
- Facebook Group: Kucoin Thailand Official Community
📲 ดาวน์โหลดแอป KuCoin Thailand ได้แล้วตอนนี้!
👉 คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด พร้อมให้บริการทั้งบน App Store และ Play Store ประเทศไทย
